ข้อแรกคือยกระดับความสัมพันธ์ กระชับมิตรให้มากกว่าเดิม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย เข้าเยี่ยมคารวะทั้ง นางเทเรซา เมย์
นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร และ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อันเป็นผลมาจากสหภาพยุโรป ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์กับไทยให้รุ่งเรืองกว่าเดิม
นอกเหนือจากพบผู้นำ 2 ประเทศแล้ว นายกรัฐมนตรีไทยยังพบกับภาคเอกชนด้วย สำหรับเอกชนรายใหญ่แห่งสหราชอาณาจักรที่เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทย ประกอบด้วย Mr.Gregory
Hodkinson, Chairman of the Global Group, บริษัท Arup และ Mr.MarkE.Tucker,Group Chairman บริษัท HSBC และ Mr.PaulManduca, Chairman บริษัทPrudential
ขณะที่เอกชนรายใหญ่ของประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศสนั้นนายกรัฐมนตรีจะหารือกับนาย Guillaume Faury ประธานบริษัท Airbus Commercial Aircraft พร้อมทั้งเยี่ยมชมสายการผลิตของชิ้นส่วนอากาศยาน และร่วมพิธีเปิดตัวแบบจำลองศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul-MRO) รวมถึงพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงสัญญากรอบการร่วมทุนระหว่างการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Airways กับ Airbus Commercial Aircraft
ข้อมูลนี้มาจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดย ท่านอธิบดีจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ กระทรวงพาณิชย์ ที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ได้เดินทางไปกับนายกรัฐมนตรีด้วย และ มีกำหนดการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 6 ฉบับ ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกับสหราชอาณาจักรประกอบด้วย
1.การลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเทสโก้ กรุ๊ป เรื่องความร่วมมือพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกด้วยการนำสินค้าเอสเอ็มอีไทยมาพัฒนาร่วมกับศูนย์นวัตกรรม (Innovation Center) ของเทสโก้ และส่งออกไปจำหน่ายในห้างเครือข่ายในสหราชอาณาจักร ยุโรป และเอเชีย
2.การลงนามMOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับบริติชเคานซิล (British Council) ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่ส่งเสริมการศึกษา ศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งสหราชอาณาจักรในเรื่องความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งมีสินค้าหัตถกรรมและดีไซน์ (Handicraft & Design) เป็นเป้าหมายในการพัฒนา โดยจะร่วมกันพัฒนา Creative Hub ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยให้มีความพร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่ทันสมัย สวยงาม ผ่านฝีมือคนไทยโดยยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เพื่อสร้างมูลค่าให้กับสินค้า และเป็นที่ต้องการของตลาดในระดับสากล
3.การลงนาม MOU ร่วมระหว่างบริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กับ Digital Barriers เรื่องความร่วมมือหาแนวทางนำนวัตกรรมระบบความปลอดภัยมาใช้กับแนวท่อส่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปยังลูกค้า
4.การลงนาม MOU ระหว่างบริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กับ Arturius International เรื่องความร่วมมือหาแนวทางนำนวัตกรรมระบบความปลอดภัยมาใช้
5.การลงนาม MOU ระหว่างบริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอล จำกัด(มหาชน) กับ UK Export Finance (ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือทางการเงินกับผู้ส่งออก) เรื่องเสนอแนวทางความร่วมมือในการใช้องค์ความรู้บริการและอุปกรณ์ด้านวิศวกรรมที่เป็น UK content ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และแสดงความประสงค์จะขอรับการสนับสนุนเงินกู้โครงการขนาดใหญ่ในอนาคตของบริษัท ในมลรัฐโอไฮโอ สหรัฐฯ
6.การลงนาม MOU ระหว่างโรลส์-รอยซ์ (Roll Royce) กับ การบินไทย หรือ Thai Airways เรื่องความร่วมมือในการร่วมลงทุนจัดตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานดอนเมือง
ขณะเดียวกัน รมว.พาณิชย์ ยังเป็นประธานประชุมเตรียมการกับภาคเอกชนไทย ซึ่งเป็นการประชุมสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (TUBLC) อีกหลายกลุ่ม
ส่วนกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสนั้น รมว.พาณิชย์และคณะผู้บริหารจะเข้าร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างนักธุรกิจไทย และสาธารณรัฐฝรั่งเศสจำนวน 5 ฉบับ
1.การลงนาม MOU ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กับ ICC เรื่องความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ หรือNew Economy Academy (NEA) ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสถาบันไอซีซี (ICC Academy)ในการพัฒนาเอสเอ็มอีไทย และแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบด้านการค้า นโยบาย พิธีการศุลกากร
2.การลงนาม MOU ในกรอบความร่วมมือสัญญาว่าจ้างระหว่างบริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กับ DassaultSystemes เรื่องโครงการDigitization รับจ้างติดตั้งและดำเนินการเทคโนโลยีระบบโครงสร้าง Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูลและเชื่อมต่อระบบวิศวกรรมในโรงงาน
3.การลงนาม MOU ระหว่าง Loxley กับ POMA เรื่องความร่วมมือในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ (Smart City)
4.การลงนาม MOU ระหว่าง บริษัทมิตรผล กับ Maguin& Cristal Union เพื่อผลิต Superfind alcohol สำหรับการผลิตยาและเครื่องสำอาง
5.การลงนาม MOU ระหว่างบริษัทมิตรผล กับ Roquette เพื่อผลิต Functional Starch
ก็สรุปว่า โดยการเดินทางเยือน 2 ประเทศ ของนายกรัฐมนตรีไทยหนนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างมากทั้งด้านการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน ตลอดจนการเจรจาขยายลู่ทางการนำเข้าสินค้าไทยให้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเจรจาความร่วมมือใหม่ๆ อีกหลายด้าน สนองตอบนโยบายไทยแลนด์ 4.0
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี