สัปดาห์นี้ มีข่าวคราวที่ฮือฮามากข่าวหนึ่งนั้นคือ การเปิดตัวกลับสู่ยุทธจักรการเมืองของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการ พรรคไทยรักไทย ซึ่งได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง พร้อมๆ กับอดีต สส. ของพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนจำนวนมาก
ที่ฮือฮาก็เพราะว่า นับตั้งแต่มีการยึดอำนาจในยุคของ คมช. ตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ข่าวคราวของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เงียบหายไปจะมีข่าวคราวบ้าง ก็เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สิน และคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง
การเปิดตัวในครั้งนี้ เป็นข่าวในสื่อมวลชนทุกสำนัก โดยขึ้นภาพ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และยังแถมด้วยคำขวัญว่า สนับสนุนกลุ่มสามมิตร แถมโครงการโคล้านตัว
และเป็นการเปิดตัวในฐานะวงในของพรรคพลังประชารัฐ โดยตรง โดยข่าวระบุว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ในขณะที่ปล่อยให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคต้องเดาสุ่มกันต่อไป
แต่ก็เป็นการเปลี่ยนเชิงข่าวเดิมที่เคยมีสื่อหลายฉบับรายงานข่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งหลังจากเป็นข่าวนั้นแล้ว ก็ยังคงมีอาการอึมครึมทำนองว่า ผู้ที่มีชื่อเป็นข่าวไม่ได้เต็มใจตามที่ถูกระบุในข่าว
ดังนั้นในวันนี้จึงมีความชัดเจนขึ้นอีกขั้นหนึ่งว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ถูกระบุตัวว่า จะเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหัวหน้าพรรคนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป และเพราะเหตุที่กลุ่มสามมิตร ครองตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญก็ทำให้คาดเดาได้ว่า หัวหน้าพรรคก็คงไม่ใช่คนอื่นไกล หากเป็นคนในขบวนการเดียวกัน แต่จะเป็นในรูปแบบไหนและจะเป็นใครอีกไม่นานคงชัดเจนมากขึ้น
สำหรับกลุ่มสามมิตรนั้น เคยมีบทบาทสำคัญในยุคพรรคไทยรักไทยครองอำนาจ โดยคนหนึ่งเป็นคนที่นายทักษิณ เลือกใช้สอย ส่วนอีกสองคน เป็นคนในวงการเมือง ซึ่งคนหนึ่งก็เชี่ยวกรากในทางการเมือง อีกคนหนึ่งก็เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมาแต่ก่อน และมาผนึกกำลังกันในพรรคไทยรักไทย โดยสนับสนุนให้เจ้าแม่
วังบัวบาน เป็นหัวหน้ากลุ่ม จึงได้ชื่อกลุ่มนี้ว่า วังบัวบาน
ดังนั้นในยุคของพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน กลุ่มวังบัวบานจึงมีอิทธิฤทธิ์ อิทธิพลเทียบได้กับกลุ่มหลัก ซึ่งเป็นหน่อเนื้อในแท้ของพรรคไทยรักไทย คือ กลุ่มวังจันทร์ส่องหล้า
การแข่งขันช่วงชิงกันระหว่าง วังจันทร์ส่องหล้า และวังบัวบาน เอิกเกริกอย่างยิ่งจนแทบไม่มีเงินงบประมาณก้อนใดของแผ่นดินที่จะไม่อยู่ในอำนาจเกี่ยวข้องของ
ทั้งสองวังนี้
และเป็นธรรมดาของการเมือง ที่ด้านหนึ่งก็คือสงคราม ดังนั้นศึกสองวังก็เกิดขึ้นไม่ขาดระยะในขณะที่ต้องรับมือกับการต่อต้านของภาคประชาชน และในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ที่คดีซุกหุ้น
มาถึงจุดสำคัญก็เกิดแผนลึกลับขึ้น ที่จะสลับตัวนายกรัฐมนตรีโดยให้คนในกลุ่มวังบัวบานเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
แต่ความลับไม่มีในวงการการเมือง แผนลึกแผนลับอาจหลุดไปถึงหูผู้มีอำนาจ จึงมีการปลดแกนสำคัญของกลุ่มวังบัวบานออกจากตำแหน่ง ส่วนพวกที่เหลือก็ยังคงร่วมงานกันมาด้วยความระแวดระวังต่อกัน
และวันนี้ข่าวคราว กลุ่มสามมิตร ซึ่งเนื้อแท้ก็คือแกนหลักของกลุ่มวังบัวบาน กำลังจะมาเป็นฐานการเมืองให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งบัลลังก์แห่งอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
ดังนั้น นับแต่นี้ไปจึงต้องจับตาดูลีลาเพลงกระบี่ของกลุ่มสามมิตรให้จงดี ลีลาเพลงกระบี่กระบี่แรก คือสารพัดนโยบาย ลด แลก แจก แถม ที่ขึ้นต้นด้วยหนึ่ง เช่น โครงการโคล้านตัว ก็จะแผ่ซ่านไปทั่วประเทศ และอีกลีลาเพลงกระบี่ก็คือ เพลงสลับกระบี่ที่นายทักษิณ ชินวัตร จดจำไม่เคยลืมเลือน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี