พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับจากเยือนประเทศยุโรปด้วยสวัสดิภาพพร้อมกับความสำเร็จและความชัดเจนในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่กำลังมีขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะงานราชพิธีสำคัญที่ชาวไทยหลายสิบล้านคนเฝ้ารอคอย ความชัดเจนเหล่านี้มีขึ้นเมื่อพลเอกประยุทธ์ พูดในประเทศอังกฤษว่า
“ต้นปีหน้าจะมีการเลือกตั้งแน่นอน เพราะกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งต่างๆ หลายฉบับทยอยประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว...สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในขณะนี้คือ เดินหน้าปฏิรูป โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศไทยมีการพัฒนาที่มีระเบียบแบบแผน ประเด็นสำคัญ คือประเทศไทยจะเตรียมงานเฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 จะทำไปพร้อมๆ กัน...รัชกาลที่ 10 ทรงมีรับสั่งจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างประหยัด อย่าให้สิ้นเปลือง ขอให้ครบตามจารีตประเพณี ทรงเป็นกำลังใจให้รัฐบาล.. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง….
นอกจากเปิดเผยต่อคนไทยแล้ว นายกรัฐมนตรีชี้แจงกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในการสัมภาษณ์พิเศษว่า “งานพระราชพิธีไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง เราดำเนินการพร้อมๆ กันได้ ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และกฎหมายต่างๆต้องผ่านการลงพระปรมาภิไธย..” คำพูดนี้เป็นนัยบอกความหมายให้เข้าใจกันทั่วไป ว่ารัฐสภาและรัฐบาลใหม่ต้องได้ผ่านการลงพระปรมาภิไธย จึงปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ ราชอาณาจักรไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งเป็นเหมือนพ่อของแผ่นดินมากว่าเจ็ดร้อยปี โบราณราชประเพณีจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กิจการสำคัญต้องผ่านพระบรมพระราชวินิจฉัยและผ่านการลงพระปรมาภิไธย และกิจการใดๆสมบูรณ์ได้เมื่อผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว
คนไทยท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2475 ว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แต่ 86 ปีผ่านไป คนบางกลุ่มบางพวกเอาแต่ใจ อยากได้เลือกตั้ง อยากได้รัฐบาลประชาธิปไตย ก็เร่งรัดจะเอาให้ได้ทันทีทันใดโดยไม่สำเหนียก ว่าการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ต้องเตรียมการตามโบราณราชประเพณี ต้องมีฤกษ์พานาที
วันนี้ชัดเจนแล้วว่าเลือกตั้งมีต้นปีหน้า และเลือกตั้งนี้จะมีพรรคการเมืองที่มีลุงตู่ ร่วมเป็นสมาชิกลงทำการแข่งขันด้วยตามที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงกับบลูมเบิร์กว่า “ที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคการเมือง เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลนี้ทำไว้ได้เดินหน้าต่อเนื่องในรัฐบาลหน้า..” เมื่อถามว่าจะตัดสินใจเข้าพรรคการเมืองเมื่อไหร่ ลุงตู่ตอบว่า “บางทีผมอาจให้คำตอบได้ในเดือน ก.ย. นี้....ถึงตอนนั้นผมชี้แจงได้ชัดเจนกว่า..”
อาจมีคนตั้งคำถามว่าเรื่องสำคัญๆ ทำไมไม่ชี้แจงทำความเข้าใจกันเสียในบ้าน คำตอบคือ ด้วยวุฒิภาวะของสื่อไทยไม่อาจประกาศเรื่องสำคัญได้เพราะสื่อไทยส่วนใหญ่สนใจแต่เปลือกกระพี้ไม่ไยดีเรื่องที่เป็นแก่นสาร แม้แต่การเยือนยุโรปครั้งนี้ที่พลเอกประยุทธ์ ไปทำงานเพื่อชาติสร้างเกียรติภูมิให้ไทยเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ แต่สื่อส่วนใหญ่ในประเทศไทยกลับประณามก่อนหน้าว่าไปซื้อหาอาวุธ เมื่อไปถึงประเทศอังกฤษแล้วแทนที่จะเสนอข่าวว่านายกรัฐมนตรีไทยหารือเรื่องอะไรกับคู่เจรจา สื่อไทยส่วนใหญ่เสนอแต่ข่าวว่าใช้ผ้าพันคอยี่ห้ออะไร สวมรองเท้า ใส่เสื้อนุ่งกางเกงในยี่ห้ออะไร ฯลฯ
นายกรัฐมนตรีถึงเลือกที่จะพูดกับบลูมเบิร์กว่า “ที่ตัดสินใจเข้าร่วมพรรคการเมืองเพื่อให้มั่นใจว่า นโยบายและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลนี้ทำมาได้ต่อเนื่องในรัฐบาลหน้า..” การทำโรดโชว์ในอังกฤษกับฝรั่งเศส คือส่วนหนึ่งของการต่อเนื่องโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC อาทิ ในฝรั่งเศส นายกฯได้ร่วมหารือกับนายกีโยม ไฟรี ประธานบริษัท แอร์บัส คอมเมอร์เซียลแอร์คราฟ แอร์ เป็นบริษัทร่วมทุนของหลายประเทศในยุโรป ซึ่งมีฐานผลิตอยู่ในเมืองตูลูส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ในยุครัฐบาลไทยรักไทย สนามบินอู่ตะเภาถูกใช้เป็นที่แวะเติมน้ำมันและซ่อมบำรุงเครื่องบินรบของกองทัพสหรัฐฯที่บินไปทิ้งระเบิดทำลายประเทศอิรักและอัฟกานิสถาน มีทหารอเมริกันพลุกพล่านอยู่พันกว่านาย ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สนามบินอู่ตะเภากำลังเตรียมการให้เป็นฐานเรดาร์จารกรรมของกองทัพสหรัฐฯ ที่อ้างว่าเป็นสถานีเรดาร์ตรวจวัดอากาศ แต่หลังจากยึดอำนาจผ่านไปสี่ปี รัฐบาล คสช. ได้พัฒนาอู่ตะเภาเป็นสนามบินพาณิชย์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการ EEC ที่เชื่อมการสื่อสารคมนาคมกับสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง
เมกะโครงการ ที่มีโครงสร้างพื้นฐาน 3 สนามบินเชื่อมกันทั้งรถไฟความเร็วสูง สื่อสารไอที ฯลฯ ที่มีงบลงทุนหลายแสนล้านบาท เป็นสิ่งล่อใจให้ทั่วโลกมาร่วมลงทุน ทั้งญี่ปุ่น จีน อินเดียและยุโรป ในประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีไทยเจรจากับ บริษัทโรลส์-รอยซ์ ที่จัดตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์ เพื่อพัฒนาโรงซ่อมเครื่องยนต์อากาศยานที่สนามบินดอนเมือง ในประเทศฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีได้ร่วมหารือกับนายกีโยม ไฟรี ประธานบริษัท แอร์บัส คอมเมอร์เซียลแอร์คราฟ ในเมืองตูลูส ที่นั่นนายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยานการลงนาม 2 ฉบับ 1 พิธีลงนามในความร่วมมือโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่อู่ตะเภา 2 พิธีลงนามความร่วมมือซื้อดาวเทียวธีออส 2 ระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)กับบริษัทแอร์บัส คอมเมอร์เซียลแอร์คราฟ
บริษัทแอร์บัส คอมเมอร์เซียลแอร์คราฟ มีโครงการจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา ในขณะที่บริษัทโรลส์-รอยซ์ จัดตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องยนต์ที่สนามบินดอนเมือง หมายความว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอากาศยานและเครื่องยนต์สำหรับอากาศยานทั่วโลก มีความมั่นใจในโครงการ EEC ของไทย ดังนั้นแค่สองโครงการนี้ ก็พูดได้ว่าเป็นผลงานยิ่งใหญ่ที่ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้ในห้วงเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา
ไทม์แม็กกาซีนที่เสนอข้อมูลในแง่ลบและให้สมญานามพลเอกประยุทธ์ “สฤษดิ์น้อย” (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) ถ้าพูดในแง่ของความเผด็จการไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ไม่เคยใช้ม.44 ประหารใคร ไม่เคยจับใครขังคุกตามอำเภอใจ แต่คนที่ถูกดำเนินคดีในรัฐบาล คสช.ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นที่ศาลตัดสินว่ามีความผิด หรือไม่ก็พวกละเมิดสถาบันทำลายความมั่นคงชาติ ที่รัฐบาลก่อนหน้าปล่อยปละละเลย แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องการพัฒนาพอจะเทียบเคียงกันได้ เพราะในประเทศไทย 86 ปีที่ผ่านมา กับ 29 นายกฯ เห็นมีแต่ 3 นายกฯทหารที่วางแผนพัฒนาชาติระยะยาวอย่างมีระบบ
หลังจากปล้นพระราชอำนาจในปี 2475 คณะราษฎร ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการคุกคามสถาบันหลักของชาติและแย่งอำนาจกันไปกันมา ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสพัฒนา 25 ปี กระทั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติปี 2500 เป็นต้นมา ประเทศชาติได้เริ่มพัฒนา จากคำขวัญว่า น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกประกาศใช้ในปี 2504
นายกฯทหารที่วางแผนพัฒนาประเทศเป็นระบบท่านต่อมาคือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมไว้ยี่สิบปี และเวลาแปดปีกว่าในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านได้พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมชาติให้มั่นคงได้ ผลงานสำคัญนอกจารปฏิรูปพลังงานให้เมืองไทยโชติช่วงชัชวาล ยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ Eastern Sea board Development Program (ESB) ทำให้พื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา มากด้วยนิคมอุตสาหกรรม สร้างท่าเรือแหลมฉบังแทนท่าเรือคลองเตยที่แออัด การเพิ่มขึ้นของเงินตราที่ไหลเข้าประเทศจนทำให้ตัวเลข จีดีพีของไทยเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตั้งแต่พลเอกเปรม วางมือทางการเมืองในปี 2531 รัฐบาลต่อมาไม่เคยมีรัฐบาลไหนมีนโยบายพัฒนาระยะยาว จนกระทั่งรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่นอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังวางกรอบพัฒนาระยะยาว ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การเยือนยุโรปเที่ยวนี้ คือการต่อเนื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ นายกฯจึงประกาศว่า “ต้องเข้าร่วมพรรคการเมือง เพื่อให้นโยบายและโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลนี้ทำไว้ได้ต่อเนื่องในรัฐบาลใหม่..” ความประสงค์ของพลเอกประยุทธ์ จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนไทยว่า ให้ความสำคัญกับเรื่องดราม่า หรือการพัฒนายั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี