ในขณะที่ผู้คนในสังคมไทยส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากกำลังเฝ้าติดตามข่าวการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี ซึ่งติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างใจจดใจจ่อ และร่วมกันส่งกำลังใจภาวนาให้ทุกคนที่ติดอยู่ในถ้ำปลอดภัย นอกจากนี้ยังส่งแรงใจให้กับคณะผู้ทำงานเพื่อค้นหาเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ โดยขอให้ผู้ทำงานทุกคนปลอดภัย และประสบความสำเร็จในการทำงาน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง สังคมไทยก็ได้เห็นชัดว่าใครคือตัวอุปสรรคขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้ตั้งใจทุ่มเททำงานอย่างขมีขมันแข่งขันกับเวลาทุกวินาทีที่ผ่านไป ตัวอุปสรรคของการทำงานสำคัญนี้มีหลากหลาย ทั้งผู้สื่อข่าวที่ไร้จรรยาบรรณ คนเข้าเจ้าทรงผีที่ไม่รู้กาลเทศะ ดารานักแสดงและนักร้องจำพวกมือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ ซึ่งชอบโพสต์ข้อความแสนชั่วช้าที่บั่นทอนจิตใจของผู้ทำงานลงใน social media รวมถึงยังมีพวกที่แอบอ้างนำชื่อของคณะทำงานช่วยเหลือเด็กและเยาวชน และแอบอ้างนำชื่อของพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนกลุ่มที่กำลังประสบปัญหาไปโพสต์หากินโดยขอเรี่ยไรโดยไม่สุจริต และล่าสุดก็มีข่าวตำรวจผู้อื้อฉาวรายหนึ่งที่ถูกสังคมวิพากษ์อย่างหนักว่า “ไปที่หน้าถ้ำหลวงฯ ทำไม มีหน้าที่อะไรเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งนี้หรือ แล้วทำไมจึงพูดในเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรได้ถึงเพียงนี้” แต่ที่คนในสังคมไทยเขาถามกันมากกว่านั้นคือ “แล้วงานในหน้าที่ของตำรวจรายนั้น สำเร็จลุล่วงไปถึงขั้นไหนแล้ว โดยเฉพาะคดีนักธุรกิจใหญ่ของเมืองไทยยิงเสือดำในป่าทุ่งใหญ่”
นี่ยังถือว่าเป็นโชคดีพอสมควรที่งานนี้ยังไม่มีพวกชอบสร้างภาพ อาทิ นักการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ไปเดินเกะกะกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ แม้อาจจะมีรัฐมนตรีบางรายที่เข้าไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้บ้าง แต่ก็ดูเสมือนว่าจะค่อนข้างไม่กล้าทำตัวเองให้เป็นข่าวใหญ่ เพราะคงรู้ดีว่า หากเสนอหน้าเข้าไปแล้วทำให้ตัวกลายเป็นข่าว หรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของผู้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว ผลเสียจะบังเกิดกับตนเองโดยแน่แท้ ดังนั้นรัฐมนตรีบางรายที่อุตส่าห์เข้าไปดูสถานการณ์นี้จึงทำได้แค่เพียงลงรูปตัวเองใน social media เท่านั้น
มีใครสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำไมเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้จึงไม่มีข่าวนักการเมืองทั้งชายและหญิง (โดยเฉพาะจำพวกชอบเสนอหน้า) เข้าไปจุ้นจ้านวุ่นวาย และสร้างภาพให้ตัวเองเป็นเสมือนวีรบุรุษ วีรสตรีเหมือนครั้งเมื่อบ้านเมืองอยู่ในยุคที่นักการเมืองอ้างว่าตนเองมาจากการเลือกตั้ง หรือว่านักการเมืองไม่รับรู้รับทราบข่าวนี้มาก่อน จึงไม่พาตัวเข้าไปเกะกะเหมือนที่เคยๆ กระทำกันมา
โดยตลอด หรือว่านักการเมืองรู้ว่าช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูของการหาเสียง จึงไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หรือหากจะมองอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นมุมดี ก็อาจจะคิดได้ว่า เพราะนักการเมืองในยุคนี้รู้กาลเทศะ รู้ความเหมาะความควรมากกว่าช่วงเวลาที่ผ่านๆ มา ก็จึงอยู่ในอาการสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้
ในความเป็นจริงแล้ว คนไทยมีสติปัญญามากพอที่จะแยกแยะได้เป็นอย่างดีว่า การกระทำ และพฤติกรรมเช่นไรของบุคคลต่างๆ ในสังคมของเราที่ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดจากน้ำใสใจจริง ไม่มีเล่ห์เพทุบาย และพฤติกรรมเช่นไรที่ถือว่าเป็นพฤติกรรมสร้างภาพลวงตาที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล แต่ทว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ถูกอบรมสั่งสอนให้รู้จักไว้หน้าของคนอื่น ถึงแม้ว่าตนเองจะรู้ดีว่าใครคนไหนเสแสร้งสร้างภาพ แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์เก็บความรู้สึกที่อยากจะประจานพฤติกรรมสร้างภาพไว้ในใจ นอกเสียจากว่าจะเหลืออดเหลือทนเสียจริงๆ เท่านั้น
ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันใดที่นักการเมือง (ทุกชนิด) ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ หรือจากการทุจริตการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งพวกที่ขึ้นสู่อำนาจการเมืองโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง จะต้องสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองให้กับตนเอง ดังนั้น สาธารณชนในสังคมไทยจึงพบเห็นมาตลอดเวลาว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี และเหล่ารัฐมนตรีจึงต้องพยายามพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับประชาชนให้มากที่สุด บางคนยอมแม้กระทั่งลุยน้ำ ลุยโคลน ก้มลงใช้มือล้วงเข้าไปในท่อน้ำทิ้งที่แสนจะสกปรก (แต่ก็มีอดีตนายกรัฐมนตรีบางรายบอกว่าไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะไม่ใช่หน้าที่ แถมยังมีหน้าถามกลับว่า ถ้านายกรัฐมนตรีไปดูแล้ว น้ำที่ท่วมเมืองจะลดลงอย่างทันตาเห็นหรือ แต่นายกรัฐมนตรีพรรค์อย่างว่าก็ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว)
ขอย้ำว่าไม่มีใครหวงห้ามการสร้างภาพในสังคมไทย (แม้อาจจะมีคนจับได้ไล่ทัน แล้วหัวเราะเยาะบ้างก็ตาม) แต่ขอให้การสร้างภาพนั้นส่งผลเชิงบวกต่อสังคมในท้ายที่สุดก็แล้วกัน แล้วก็ขออย่าให้มีการสร้างภาพโดยการผลาญเงินงบประมาณแผ่นดินโดยเปล่าประโยชน์ เพราะหลายต่อหลายครั้งสังคมไทยจับได้เป็นประจำว่า เมื่อการสร้างภาพโดยบุคคลต่างๆ ที่มีตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองผ่านพ้นไป แต่ทว่าปัญหาต่างๆ ของสังคมหรือของชุมชนก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
อ้อ! พูดถึงบรรดานักการเมืองประเภทต่างๆ ไปแล้ว ก็ต้องกล่าวไปถึงเหล่าพ่อค้านายทุนจำพวกที่ชอบสร้างภาพลวงตาด้วย รวมถึงนักวิชาการจำพวกสร้างภาพเพื่อหวังตำแหน่งทางการเมืองด้วย เพราะคนกลุ่มนี้ก็เก่งในการสร้างภาพหลอกลวงชาวบ้านชาวเมืองได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเหล่านักการเมือง
เท่าที่เฝ้าสังเกตข่าวการให้ความช่วยเหลือเด็กและเยาวชนทีมนักฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงฯ ยังไม่ปรากฏว่ามีพ่อค้านักธุรกิจรายใดฉวยโอกาสสร้างภาพเพื่อเรียกคะแนนนิยมจากสาธารณชน ก็ทำให้คนในสังคมไทยเกิดความสงสัยขึ้นมาโดยพลันว่า ทำไมพวกพ่อค้าที่ชอบสร้างภาพจึงบังเกิดอาการเงียบงันจนผิดปกติต่อเหตุการณ์นี้ หรือเขาเหล่านั้นมองว่านี่คือเหตุการณ์เล็กสำหรับ
มุมมองด้านผลประโยชน์ทางการตลาดของพวกเขา
เหตุผลที่สาธารณชนพูดเรื่องนี้และตั้งประเด็นคำถามนี้ขึ้นมาเพราะว่า เรามักจะเห็นพ่อค้าใหญ่ชอบตีข่าวบริจาคผ้าห่มกันหนาวให้กับคนไทยเสมอๆ หรือบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มต่างๆ ผ่านรายการพิเศษที่จัดขึ้นอย่างเอิกเกริกทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ แต่ทำไมกับการเกิดข่าวซึ่งไม่ธรรมดาในครั้งนี้ สังคมกลับไม่พบว่าพ่อค้านายทุนให้การสนับสนุนในด้านใดๆ เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งของต่างๆ หรือว่ากลุ่มพ่อค้านายทุนเห็นว่า ไม่มีประโยชน์ใดๆ สำหรับธุรกิจของตน ถ้าหากบริจาคเงินหรือสิ่งของให้ไปแล้ว แต่ไม่มีการนำเสนอข่าวให้สาธารณชนได้รับรู้
อย่างไรก็ตาม แม้สังคมไทยของเราจะมีคนชอบเสนอหน้า ชอบสร้างภาพ เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง แต่ในอีกมุมหนึ่ง สังคมไทยของเราก็ยังคงมีคนที่ทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง ทำงานด้วยความตระหนักในภารกิจและหน้าที่ของตนเอง ทำงานโดยไม่หวังชื่อเสียง ไม่ต้องการคำสรรเสริญ ไม่ต้องการคำชมเชยใดๆ แต่ทำงานเพื่อหวังให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ และทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่มีสิ่งใดแอบแฝง เราเรียกคนเหล่านี้ว่า เป็นผู้ปิดทองหลังพระ เป็นผู้เสียสละตัวจริง เขาเหล่านี้คือวีรบุรุษ วีรสตรีโดยแท้ของสังคม
เราคนไทยผู้มีสติปัญญาอาจจะไม่จำเป็นต้องฉีกหน้าของพวกที่ชอบสร้างภาพในการทำงาน แต่เราทุกคนสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันเชิดชู ให้กำลังใจ และสนับสนุน “ผู้ปิดทองหลังพระ”
นอกจากให้กำลังใจผู้ปิดทองหลังพระแล้ว คนไทยทุกคนควรจะต้องเป็นผู้ปิดทองหลังพระด้วย
เราไม่จำเป็นต้องไปแสดงอาการทุกข์ร้อนหรือสนใจกับคนสร้างภาพ แต่เพียงเราต้องรู้ให้เท่าทันเล่ห์เพทุบายของคนพรรค์ดังกล่าว แล้วต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของคนพรรค์อย่างนั้น แต่ที่สำคัญคือ เราทุกคนต้องอบรมบ่มเพาะตัวเอง และลูกหลาน รวมถึงคนใกล้ชิดของเราว่า เราจะต้องร่วมกันอุทิศตนเพื่อผลประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ และเหล่าสรรพสัตว์ รวมถึงร่วมกันอนุรักษ์ป่าเขาลำเนาไพร และบำรุงรักษาสายน้ำลำธาร โดยเราช่วยกันคนละไม้ละมือ ถึงแม้คนอื่นจะไม่ทำดี แต่เราต้องทำดี เพราะการทำความดีเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อสังคมและต่อทุกสรรพสิ่ง และขอให้เราทุกคนทำดีโดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเอง แต่เรายินดีกับการทำความดีด้วยการปิดทองหลังพระ เพื่อความดีงาม ความร่มเย็นเป็นสุขในสังคมของเราทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี