l ปู่จิ๊บ ในฐานะที่เคยบวชพรรษา ในฉายา “พระชัยวัฒน์ อิสรธัมโม” ขอ เรียบเรียงโดยสรุป ดังนี้ (จาก “นรก-สวรรค์ ในพระไตรปิฎก โดย พระพรหมคุณาภรณ์ : ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ. ๙)
1.ในศาสนาเป็นอันมาก นรก-สวรรค์เป็นจุดสุดท้าย เป็นจุดหมายแห่งการเดินทางชีวิตของมนุษย์เมื่อตายไป วิญญาณจะไปรอจนถึงวันสิ้นโลก แล้วมีการตัดสิน ผู้ที่ควรได้รับโทษ ถูกตัดสินให้ตกนรกนิรันดร
2.ความสำคัญของนรก-สวรรค์ ในแง่พุทธศาสนา จุดหมายของพระพุทธศาสนา มีสิ่งที่สูงกว่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าสวรรค์คือ นิพพาน เป็นสิ่งที่บรรลุได้ในชาตินี้ นิพพานสามารถบรรลุได้ในชาตินี้ ตั้งแต่ยังเป็นๆ อยู่นรก-สวรรค์เป็นเพียงส่วนหนึ่งใน “สังสารวัฏ” คือการเวียนว่ายตายเกิดสังสารวัฏ มีการเปลี่ยนแปลงได้ ชีวิตเราเดินทางไปในสังสารวัฏ มีหมุนขึ้นหมุนลงตกนรกแล้ว ต่อไป ถ้าเรามีกรรมดี ก็กลับไปขึ้นสวรรค์ เรามีโอกาสที่จะแก้ไขตัวได้มาก เป็นขั้นตอนของความก้าวหน้าในวิถีของการพัฒนาสูงขึ้นไป นรก-สวรรค์พิสูจน์ด้วยอะไร พิสูจน์ด้วยตา ด้วยหู ด้วยจมูก ลิ้น กายไม่ได้ มันต้องพิสูจน์ด้วยชีวิตที่ใจนั่นเอง
3.พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ สำหรับเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ มันสำคัญที่ปฏิบัติในพระไตรปิฎก เรื่องนี้หาได้ทั่วไป ในคำสรุปท้ายที่แสดงผลของการประพฤติดีประพฤติชั่ว เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องนรก-สวรรค์นั้น พระองค์ตรัสในข้อความแวดล้อมอย่างไร มีเรื่องราวเป็นมาอย่างไร กล่าวถึงการลงโทษในนรก เริ่มจากว่าตายไปแล้วเจอยมบาล พญายมถามว่า ตอนมีชีวิตอยู่เคยเห็นเทวทูตไหม? เทวทูต ๑.คือ เด็กเกิดใหม่ ๒.คนแก่ ๓.คนเจ็บ ๔.คนถูกลงโทษทัณฑ์อาญา ๕.คือ คนตายเป็นเรื่องของตัวเองทำกรรมไม่ดี ก็ต้องได้รับโทษ มีการลงอาญา เรียกว่า *กรรมกรณ์* ถ้ามนุษย์ประพฤติดี เทวดาก็จะดีใจ ว่าต่อไปสวรรค์จะมีคนมาเกิดเยอะ ถ้าหากมนุษย์ประพฤติชั่วมาก เทวดาก็จะเสียใจว่าต่อไปฝ่ายเทวโลกจะมีแต่เสื่อมลง อะไรทำนองนี้
4.“สวรรค์ในอก นรกในใจ” เป็นเรื่องที่มีในชาตินี้ มันอยู่ในสภาพจิต ภูมิของจิต ชั้นของจิต ระดับของจิตใจ จิตของเรามีคุณภาพหรือคุณสมบัติอยู่ในระดับใด เรื่องสวรรค์ในอกนรกในใจ ก็ย่อมมีได้ตามหลักนี้ คือระดับจิตของเรานั่นเอง ที่มันอยู่ในนรกหรือสวรรค์ทำกรรมชั่ว เรารู้สึกเดือดร้อนใจ “เกิดวิปฏิสาร” เป็นสภาพจิตที่เป็นทุกข์ ซึ่งนับเป็นนรกในนิวรณ์ ๕ มีข้อหนึ่งว่า “กุกกุจจะ” อันได้แก่ความไม่สบายใจ กังวลใจ รำคาญใจ ไม่สบาย เดือดร้อนใจ สิ่งที่ดีเราไม่ได้ทำ สิ่งที่ได้ทำ ก็ชั่ว ไม่ดี ทำกรรมดี “เกิดปิติปราโมทย์” มีความอบอุ่นใจ อิ่มเอิบ ร่าเริง บันเทิง เบิกบานใจ ปลื้มใจ เปรมใจ มีความสุข จิตใจอยู่ในระดับสวรรค์
l คนสองภพ ภพสวรรค์สร้างสรรค์เป็นสุข ภพนรกอิจฉาริษยาทำลายเป็นทุกข์ นี่คือมนุษย์ตอนนี้ จะขอพาท่านผู้อ่าน มาพิจารณา สังคมการเมืองไทย คือ คนสองภพ
1.สวรรค์คือภพของนักการเมืองนี้ คือ อยากเป็น สส. เพราะ ทำให้เขาสามารถ ทำอะไรได้เพิ่มขึ้นมากขึ้น
1)หากเป็นน้ำดีมีอุดมคติ : อยากให้สังคมดีขึ้น ประชาชนพ้นทุกข์มีสุข ได้รับสิ่งดีจากรัฐ อย่างเสมอภาคประเทศ มีความเจริญก้าวหน้า มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับการพัฒนามีคุณภาพได้จริง
2)บางส่วน เป็นแบบ “วัดครึ่งกรรมการครึ่ง” คือ ตัวเองต้องได้ด้วย แล้วค่อยให้สังคม ให้ชาวบ้านนักการเมืองประเภทนี้มีเยอะ อยู่ในพรรคการเมืองมากน้อย หากเป็นพรรคดีก็มีน้อย พรรคไม่ดีก็มีมาก
3)ส่วนเป็นน้ำเน่าเหม็น หากเป็นผู้นำ เป็นเจ้าพรรค มักคิดถึงอำนาจสูงสุด กุมรัฐทั้งหมด
ที่มา มักจะมาจาก นายทุนสามานย์ที่ไม่มีธรรมาธิบาล ไม่มีความคิดประชาธิปไตย ซื้อเสียงซื้อสส.ซื้อพรรค
l 2.การคิดไปภพสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยากให้คนอื่น โดยเฉพาะ “คนที่เห็นต่าง” ไปลง “นรก” โดยเฉพาะ “คนที่ได้ดีกว่า จะไปสู่ความสำเร็จ หรือได้สิ่งที่ตนไม่ได้” จะแสดงออกหน้าออกตาต่อคนอื่นที่เราเห็นอยู่ในสื่อ หน้าหนังสือพิมพ์ ทีวี เฟซบุ๊ค ไลน์ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยคนเดิมหน้าเก่า ซ้ำๆ กันโดยนำข้อเสียข้ออ่อนของเขาออกมากล่าวว่า แต่ที่หนักกว่า “คือ เอาเรื่องไม่จริง Fake News” มาใส่ร้ายการทำเช่นนี้ มีความชัดเจนออกหน้า คือ “สร้างความโกรธ เกลียด ไม่พอใจ ต่อ คนหรือคณะบุคคลนั้น” จากตัวเอง ก็แพร่ต่อไปยังบุคคลอื่นและสาธารณชน ที่ไม่ได้รู้ไม่ได้ติดตามความจริงที่เกิดขึ้น ว่าผิดหรือถูกหากเป็นการเมืองในยุคปัจจุบัน ที่มีความขัดแย้งต่างสีที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ก็จะขยายเรื่องราวให้ใหญ่ขึ้นโดยทำเป็นกระบวนการ ที่มีองค์กรจัดตั้ง “สร้างข่าวประดิษฐ์เรื่องและวาทกรรม” อย่างเป็นระบบทำให้ดูเหมือนเป็นความจริง ทั้งๆ ที่เป็นเท็จ หรือมีถูกน้อย ผิดมาก เป็นจิตวิทยาในการปลุกระดมมี 2 ด้าน หนึ่งทำเรื่องผิดใหญ่ของตนให้เป็นถูก เช่น โกงแพ้คดีที่ศาลฎีกาตัดสิน ก็กล่าวว่าถูกกลั่นแกล้ง สองทำเรื่องถูกของเขาเป็นผิดใหญ่ เช่น รัฐบาลมีผลงาน คนยอมรับ ก็กล่าวว่า เป็นเผด็จการไม่มีผลงาน
@ กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ในสังคมไทยวันนี้ จะขอกล่าวถึง 2 กลุ่มหลักๆ คือ
1)นักการเมืองและพรรคการเมือง มีตัวหลักรองและตัวประกอบ
-พรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ที่เคยครองอำนาจ แต่ทำผิดใหญ่ฉกรรจ์ ทั้งการโกงมโหฬารการใช้อำนาจบริหารออกนโยบายประชานิยมและใช้นิติบัญญัติแก้กฎหมายขัดรัฐธรรมนูญมีคดี ที่ถูกศาลสูงสุดลงโทษจำคุก แต่ตัวหัวหน้าเจ้าของและน้องสาวหนีคดีไปต่างแดนพรรคนี้ จะโหมสร้างกระแส โจมตีรัฐบาลทุกเรื่องทุกวัน ไม่เว้นการไปเจรจากับต่างประเทศในเรื่องของประเทศ โดยใช้อดีตรัฐมนตรี สส. และแกนนำกลุ่มมวลชนแดง และองค์กรต่างๆ รวมทั้งการใช้สื่อในเครือข่ายฯเพื่อหวังกลับมาครองอำนาจ จากการมีเลือกตั้งใหญ่ ต้นปี 2562 โดยใช้วิธีเดิม ซื้อเสียง ใช้สื่อปลุกปั่นฯ
-อีกพรรคหนึ่ง ดูมีหลักการ แต่เก่งในการสร้างวาทกรรม กล่าวหาพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อตัดคะแนน เช่น “พาคนไปตาย” และ “การตระบัดสัตย์ จากผู้นำมีระดับออกมาจากพรรคมาสร้างพรรคของประชาชนการอ้างประชาธิปไตยตะวันตก มากล่าวหาเรื่องรัฐบาลคนนอก ทั้งๆ ที่กำหนดในรธน.ที่ตนแพ้ประชามติ
2) กลุ่มเสรีตกขอบ : เรื่องพลังงานเรื่องสิทธิฯ เสนอข่าวเท็จ ที่ไม่รู้จริงไม่มีความเชี่ยวชาญประสบการณ์มักใช้การกล่าวหาบิดเบือน อ้าง “ขายชาติ สมคมคิด นายทุน โดยขาดความรับผิดชอบต่อผลเสียหายใหญ่กลุ่มซ้ายล้าหลัง : เรื่องชนชั้น อำนาจรัฐ ที่ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่พัฒนา พูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง
l ความผิดนี้ เป็นความผิดใหญ่ เพราะ “ตัวเองก็รู้ดี หรือไม่มีความรู้จริง” ทำให้คนอื่นและบ้านเมืองเสียหายและเมื่อ “ตัวเองรู้ความจริงว่าตนผิด” แต่ไม่เคยสำนึก และออกมาขอโทษประชาชน ยังคงทำผิดต่ออีก, เศร้าหากเชื่อเรื่องกรรมในชาตินี้ อย่างที่กล่าวมาข้างต้น, เราจะเห็น “โทษกรรม” ที่คนเหล่านี้จะได้รับในเร็วๆ นี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี