การสร้างสรรค์ความเจริญรุ่งเรือง และการอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติใดๆ ก็ตาม ย่อมขึ้นอยู่กับความเป็นอิสระความเป็นไทย ความเข้มแข็งเด็ดขาด และกำลังอำนาจแห่งชาติของประเทศชาตินั้นๆ จะหวังพึ่งความเมตตา หรือการประทานจากชาติอื่นนั่น ไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้อย่างเด็ดขาด
การยอมจำนน การงอนง้ออ้อนวอน การสนองผลประโยชน์ของชาติเพื่อหวังจะแลกเปลี่ยน หรือความเมตตาจากชาติอื่น ก็เป็นเรื่องของคนถ่อยที่บัดซบแห่งชาติเท่านั้น เพราะไม่ใช้วิสัยที่จะเป็นไปได้อย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน
สัจธรรมนี้กำลังจะเป็นบทพิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นกันอีกครั้งหนึ่งที่คาบสมุทรเกาหลี จึงเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งผองจะได้พิจารณาทำความเข้าใจ และถือเอาเป็นบทเรียน เพื่อประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ควรปฏิบัติ และยกเลิกประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ควรยกเลิกประพฤติปฏิบัติ เพื่อธำรงรักษาไว้ ซึ่งเอกราชอธิปไตย เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีแห่งชาติ สืบไป
เพราะข่าวคราว อันฮือฮาลือลั่นสนั่นโลก ที่สองคนดังของโลกคือ ท่านประธานาธิบดี ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับท่านผู้นำ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้พบปะเจรจาสันติภาพกัน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแถลงการณ์ร่วมกัน ถึงการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น กำลังพังครืนลงอย่างไม่เป็นท่า
ทว่า หากจะพังครืนลง เกาหลีเหนือก็ยังคงไม่ถึงกับเสียเนื้อเสียตัว หรือเสียท่า เหมือนที่นายซัดดัม ฮุสเซ็น แห่งอิรัก และนายกัดดาฟี่ แห่งลิเบีย ที่ถูกต้มตุ๋นจนเปื่อย และถูกฆ่าตายอย่างอเนจอนาถและประเทศชาติก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
เพราะเกาหลียังคงธำรงไว้ซึ่งพลังอำนาจแห่งแสนยานุภาพอยู่ดังเดิมมิได้หลงทำลายพลังงานชาติไปเหมือนที่เกิดขึ้นในอิรักและลิเบีย
นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง และต่อด้วยสงครามเกาหลี ซึ่งเป็นการปะทะกันทั้งเกาหลีสองฝ่ายโดยเฉพาะระหว่างจีนกับอเมริกาโดยตรง ในที่สุดก็เจรจาสงบศึกกัน โดยที่มิได้เจรจายุติสงครามกันแต่ประการใด ดังนั้นอเมริกาเลยใช้สภาพเช่นนี้เข้าไปตั้งฐานทัพ และจัดการควบคุมดูแลความมั่นคงทั้งหมดของเกาหลีใต้มาจนถึงปัจจุบันนี้
เกาหลีเหนือ โดยสภาพก็ประหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกับประเทศจีน ได้เรียนรู้บทเรียนของจีน ที่ประสบความสำเร็จในการเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ชาติหนึ่งของโลก จึงเป็นที่เกรงอกเกรงใจของมหาอำนาจอื่น ดังนั้นจึงดำเนินตามด้วยการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างไม่หยุดยั้ง
ทำให้อเมริกา และฝรั่งมังค่าทั้งหลายผวากันเป็นเทือกและใช้มาตรการปิดกั้นคว่ำบาตรและขมขู่คุกคามต่อเกาหลีเหนือตลอดมาเป็นเวลาร่วม 40 ปีแล้ว แต่ในที่สุดเกาหลีเหนือก็ประสบความสำเร็จ และประกาศตัวเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ไปแล้ว เมื่อต้นปีนี้ และยังพัฒนาประสิทธิภาพของอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปอีก
ขีดความสามารถของระดับความสำเร็จของเกาหลีเหนือ คือสามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ถล่มทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ฐานทัพอเมริกาที่เกาะกวม และบางพื้นที่ของแผ่นดินใหญ่อเมริกาได้อีกด้วย
ดังนั้น อเมริกาจึงนิ่งอยู่ไม่ได้และเคลื่อนไหวแสนยานุภาพทางการทหารครั้งใหญ่ที่สุด คือระดมกองเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 3 กอง เครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 4 ลำ เครื่องบินโจมตีเกือบ 400 ลำ กดดันต่อเกาหลีเหนือเพื่อให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่เกาหลีเหนือก็นิ่งเฉยเตรียมพร้อมที่จะตอบโต้โดยไม่ลดราวาศอก โดยมีรัสเซียและจีนแสดงท่าทีสนับสนุนชนิดถึงไหนถึงกัน โดยแสดงออกด้วยการเคลื่อนแสนยานุภาพในพื้นที่ใกล้แผ่นดินใหญ่ในอเมริกาชนิดที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อน
หลังจากนั้น ก็มีการแอบติดต่อเจรจากัน และเปิดท่าทีครั้งแรกที่สองเกาหลีจะเริ่มต้นเจรจาอีกครั้งหนึ่ง ในงานโอลิมปิกในเกาหลีใต้ จนอาจทำให้ผู้นำสองเกาหลีได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม หรือรางวัลโนเบลก็ได้
จากนั้น ก็เป็นการเจรจาของท่านประธานาธิบดี ทรัมป์และท่านประธานาธิบดี คิม จอง อึน ที่สิงคโปร์ ว่าจะร่วมกันสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีให้สำเร็จ ทำให้ทั่วโลกยินดีปรีดาอย่างยิ่ง
แต่ไม่ทันไร ความหวังของชาวโลกก็พังครืนลง และดูท่าสันติภาพ และการพัฒนาในภูมิภาคนี้และคาบสมุทรเกาหลี คงจะห่างไกลออกไปอีกนานเท่านาน
เพราะอเมริกาได้กระทำการหลายสิ่งหลายอย่างที่มิได้เกื้อกูล หรือดำเนินไปในตามวิถีการเจรจานั่นเลย ดังเช่น
ประการแรก การคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือต่อไป โดยไม่ลดราวาศอก ซึ่งเท่ากับบังคับให้เกาหลีเหนือ และองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ผนึกกำลังกันต่อต้านการคว่ำบาตรต่อไป ด้วยจิตใจที่ไม่ไว้วางใจต่อกันดังเดิม
ประการที่สอง แม้สหรัฐจะประกาศการยกเลิกการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ แต่กลับไม่ลดจำนวนทหารที่ระดมกันมาในภูมิภาคนี้เลย มิหนำซ้ำยังขยายพื้นที่การปฏิบัติการทหาร ทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย
ประการที่สาม อเมริกาได้ขยับที่ตั้งทางการทหารในเกาหลีใต้ และยกระดับขนาดของฐานทัพดังกล่าวให้มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
สภาพเช่นนี้ จึงทำให้สถานการณ์หรือภาพที่เคยเกิดขึ้นกับอิรักและลิเบีย ปรากฏเห็นชัดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีเหนือกันนั้น ทั้งเกาหลีเหนือ จีน และรัสเซีย ที่ทราบสภาพการดังกล่าว ก็ต้องเตรียมการทางการทหารครั้งใหญ่ที่สุดเช่นเดียวกัน
เพราะสภาพเช่นนี้ ไม่มีทางที่ใครจะไว้ใจใครได้ มีแต่ต้องไว้ใจแสนยานุภาพตนเท่านั้น และนั่นก็แสดงว่า สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ที่ทั่วโลกคาดหวังกำลังกลายเป็นความฝันในต้นฤดูฝนนี้เท่านั้น
กษิต ภิรมย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี