คนไทยส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องการออมเงิน เมื่อออมเงินได้ต่ำ ก็ส่งผลให้เกิดปัญหาการใช้จ่ายเกินตัว ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ประกอบกับคนไทยจำนวนไม่น้อยเป็นโรคแพ้ป้าย Sales (ป้ายลดราคา) เมื่อคนไทยมองเห็นป้ายลดราคา หรือป้ายแจกแถมขึ้นมาคราใด คนไทยจำนวนไม่น้อยก็จะกรูกันเข้าไปโดยขาดสติยั้งคิด เมื่อขาดสติยั้งคิดในการใช้เงิน ก็จึงเกิดปัญหาด้านการเงินตามมา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ปี พ.ศ. 2561 พบว่ายอดคงค้างหนี้ครัวเรือนยังคงเพิ่มขึ้นในระดับใกล้เคียงหรืออาจจะสูงกว่ายอดหนี้คงค้าง ปี พ.ศ. 2560 เล็กน้อย โดยตัวเลขยอดคงค้างหนี้ครัวเรือน ปี พ.ศ. 2560 อยู่ที่ระดับร้อยละ 4.3
ครั้นเมื่อดูผลการสำรวจเรื่องหนี้ครัวเรือนของประชาชนโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าระดับหนี้สินต่อครัวเรือนโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1.78 แสนล้านบาท โดยเทียบกับตัวเลขของ ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.56 แสนล้านบาท หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือคนไทยโดยรวมยังคงสร้างหนี้ของครัวเรือนเพิ่มขึ้นทุกปี
ถ้าหากพิจารณาหนี้ครัวเรือนเฉพาะช่วงไตรมาสที่หนึ่งของ ปี พ.ศ. 2561 พบว่าอยู่ที่ระดับ 12.17 ล้านล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์แบบมองโลกในแง่ดีว่าหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนั้นสอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยในส่วนของธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการเช่าซื้อรถยนต์ แต่ในส่วนของการก่อหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคที่ไม่มีหลักประกัน ถือได้ว่ามีสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก
เมื่อดูตัวเลขเปรียบเทียบหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของประเทศไทยในช่วงไตรมาส 1/2561 พบว่าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2560 คือไตรมาสแรกของปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 77.6 ส่วนตัวเลขของไตรมาสสุดท้ายปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ78
เวลาพูดถึงตัวเลขทางสถิติแล้ว คนไทยส่วนใหญ่ ที่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องเช่นนี้อาจจะบอกว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจยาก เพราะฉะนั้นก็ขอพูดแบบชัดๆ ตรงๆ ว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้เป็นสินอีกมากมาย ซึ่งหนี้ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือหนี้ที่คนไทยก่อขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น หนี้ที่เกิดขึ้นจากการกดหรือรูดเงินสดจากบัตรเครดิต หนี้นอกระบบ หนี้จากการพนัน หนี้จากการใช้บัตรเครดิตแบบไม่ยั้งคิด และหนี้ที่เกิดจากการโหมซื้อสิ่งของต่างๆ ทั้งๆ ที่สิ่งของเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นกับการดำรงชีวิตประจำวัน
ลองถามตัวคุณเองก่อนว่า คุณเกิดอาการอยู่ไม่เป็นสุขหรือไม่ เมื่อคุณพบป้ายลดราคา ป้ายซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ป้ายกินสี่จ่ายสอง หรือป้ายยิ่งซื้อมากยิ่งคุ้มมาก รวมถึงป้ายบินไปเที่ยวก่อนแล้วผ่อนทีหลัง หรือเมื่อคุณถูกชักชวนให้ผ่อนชำระโดยต้องเสียดอกเบี้ยให้กับบัตรเครดิต ทั้งๆ ที่คุณสามารถชำระเงินได้ครบจำนวน แต่คุณก็ยังอุตส่าห์ยอมเสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น
หากคุณเป็นผู้ใจอ่อนเมื่อเจอป้าย Sales หรือเป็นผู้ใช้เงินในอนาคตโดยไม่ยั้งคิดและไม่บันยะบันยัง คุณโปรดรู้ไว้เถอะว่า คุณคือผู้ที่จงใจทำร้ายตัวเอง และเป็นผู้มีส่วนร่วมสร้างหนี้ครัวเรือนจำนวนมหาศาลให้สังคมไทย เพราะฉะนั้น โปรดถามตัวเองทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้ออะไรก็ตามว่า ของที่คุณจะซื้อนั้นจำเป็นกับชีวิตของคุณหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี