เรื่องถ้ำ และอุโมงค์ ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่ถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน กำลังดังสนั่นลั่นโลก และเป็นที่สนใจของชาวโลกจนคาดหมายได้ว่า จะมีผู้สนใจและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจะต้องเตรียมความคิดและแผนงานลองรับกันให้ทันท่วงที
หากปล่อยไปตามเวรตามกรรม หรือโดยไม่สนใจไยดีแล้ว แทนที่จะบังเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทย แก่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน และแก่ประชาชนเป็นส่วนรวมแล้ว อาจก่อเกิดเป็นปัญหาใหญ่หลวงตามมาอีกก็ได้
นั่นเป็นเรื่องของถ้ำและอุโมงค์ธรรมชาติ ที่สวรรค์ประทานให้แก่ดินแดนที่มีนาม สยาม ประเทศนี้ ทว่า นอกจากนี้แล้วประเทศไทยของเรายังมีอุโมงค์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในลำดับต้นๆ ของโลก แต่ถูกทอดทิ้งให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยมีหาใครไยดีไม่ นั้นคืออุโมงค์ประวัติศาสตร์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เฉพาะบางส่วนที่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว เช่นที่อำเภอเบตง จังหวัดสงขลา ก็เป็นส่วนน้อยนิดเท่านั้น ยังมีส่วนที่มหัศจรรย์ล้ำค่า ยากจะหาที่ไหนเปรียบปานอยู่อีกเป็นจำนวนมาก วันนี้จึงขอเชิญชวนให้ทำความรู้จักอุโมงค์ประวัติศาสตร์นี้ เพื่อที่จะได้หาทาง ปรับปรุง พัฒนา หรือรักษาไว้ หรือปรับเป็นแหล่งทรัพยากรท่องเที่ยวให้ลือโลกก็ได้
ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจที่มาว่า เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ได้เกิดสงครามปลดแอกในดินแดนมลายา หรือที่เป็นประเทศมาเลเซียในปัจจุบันนี้ โดยพรรคคอมมิวนิสต์มลายาเป็นแกนหลักในการนำพาประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ปลดแอกประเทศชาติ จากการยึดครองของญี่ปุ่น ซึ่งได้เกิดเป็นสงครามการเมืองในรูปแบบสงครามยืดเยื้อที่ใช้ยุทธศาสตร์สงครามจรยุทธ์รับมือกับแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่ของกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่น
ในการทำสงครามครั้งนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ญี่ปุ่นยึดของประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ได้นำพาประชาชนสู้รบทำสงครามจรยุทธ์กับกองทัพญี่ปุ่นด้วย ดังนั้นทั้งสองพรรคคอมมิวนิสต์จึงร่วมมือกัน และโดยสภาพภูมิประเทศสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เกื้อกูลกับการทำสงครามจรยุทธ์ ดังนั้นพรรคคอมมิวนิสต์มลายา จึงเข้ามาอาศัยภูมิประเทศป่าเขาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นฐานที่มั่น
หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม อังกฤษก็เข้ายึดครองมาเลเซียต่อมา และเสนอระบอบการเลือกตั้งขึ้น เพื่อยุติสงคราม แต่แล้วก็มีการหักหลังพรรคคอมมิวนิสต์มลายา สังหารพรรคคอมมิวนิสต์ไปกว่าแสนสองหมื่นคน จึงเกิดเป็นสงครามขึ้นมาใหม่
พรรคคอมมิวนิสต์มลายา ได้รับความช่วยเหลือจากคอมมิวนิสต์สากลและพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะในการทำสงครามอุโมงค์ กับกองทัพอังกฤษ โดยผู้เชี่ยวชาญสงครามอุโมงค์ภายใต้การบัญชาของ จอมพล หลิว ป๋อ เฉิง ของจีน ได้ทำการขุดอุโมงค์ขึ้นเป็นจำนวนมาก มีขนาดยาวขนาดใหญ่มากที่สุดในภูมิภาคนี้ และอุโมงค์บางแห่งก็เชื่อมต่อไปยังมาเลเซียด้วย
อังกฤษไม่สามารถเอาชนะพรรคคอมมิวนิสต์มลายาได้ จนกระทั่งมาเลเชียได้อิสรภาพ ก็ทำสงครามกลางเมืองกันต่อมา จนกระทั่งถึงยุคสมัยที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการเจรจาสงบศึกสามฝ่าย คือ พรรคคอมมิวนิสต์มลายา มาเลเซีย และไทย โดยได้ทำสัญญาสงบศึกกันที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สงครามจึงสิ้นสุดลงนับแต่บัดนั้น
ชาวพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ที่อยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก ได้ขอรับสัญชาติไทยและได้รับการจัดสรรพื้นที่ทำกินให้ จนกระทั่งเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของพื้นที่จังหวัดสามชายแดนภาคใต้จนถึงทุกวันนี้
เหลือแต่อุโมงค์ประวัติศาสตร์ที่กำลังจะจมหายไปในประวัติศาสตร์ ทั้งๆ ที่เป็นแหล่งทรัพยากรท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก จึงควรที่จะได้พิจารณาปรับปรุงฟื้นฟูให้เป็นสมบัติ หรือทรัพยากรท่องเที่ยวที่สำคัญของชาติสืบไป
มาตรแม้นไม่รู้ว่าจะคิดอ่านประการใด ก็ให้ไปดูการพัฒนาอุโมงค์ประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ซึ่งได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นเลิศของเวียดนามไปแล้ว อุโมงค์ที่นั่นเลียนแบบ และรับการถ่ายทอดการสอนไปจากประเทศไทย และมีขนาดรวมทั้งระยะสั้นและเล็กกว่าของประเทศไทยมากมายนัก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี