เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มที่ยังทรงตัวโดยราคาตลาดดับเบิลยูทีไอที่นครนิวยอร์กอยู่ที่บาร์เรลละ 73.85 ดอลลาร์สหรัฐราคาน้ำมันดิบตลาดเบรนท์ในทะเลเหนือของอังกฤษอยู่ที่บาร์เรลละ 78.07 ดอลลาร์สหรัฐเป็นที่คาดหมายว่าในอนาคตอันใกล้อีกไม่กี่วันราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆ ลดลงไปต่ำกว่าบาร์เรลละ 70 ดอลลาร์สหรัฐ
ปีที่แล้วคือปี 2560 นั้นทั่วโลกผลิตน้ำมันดิบออกมาได้ในอัตราต่อหนึ่งวันได้วันละ 92.649 ล้านบาร์เรลมีประเทศที่ผลิตน้ำมันได้ทั่วโลกรวม 98 ประเทศจาก 206 ประเทศชาติที่ผลิตน้ำมันได้สูงสุดต่อวันในปีที่แล้วคือสหรัฐอเมริกา ผลิตได้วันละ 13,057,000 บาร์เรลรองลงมา คือ ซาอุดีอาระเบีย 11,951,000 บาร์เรล อันดับ 3 คือรัสเซีย 11,257,000 บาร์เรลอันดับ 4 ได้แก่ อิหร่าน 4,982,000 บาร์เรล อันดับ 5 แคนาดา 4,831,000 บาร์เรลอันดับ 6 อิรัก 4,520,000 บาร์เรล
อันดับ 7 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3,935,000 บาร์เรลเป็นประเทศที่ไทยซื้อน้ำมันดิบมากลั่น อันดับ 8 จีนประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาผลิตได้ 3,846,000 บาร์เรล อันดับ 9 คูเวต 3,028,000 บาร์เรล อันดับ 10 บราซิล 2,724,000 บาร์เรลอันดับ 19 สหราชอาณาจักร 999,000 บาร์เรล อันดับ 20 โอมาน 971,000 บาร์เรลเป็นประเทศที่ไทยซื้อน้ำมันมากลั่นส่วนไทยเองนั้นอยู่ในอันดับที่ 34 ผลิตน้ำมันดิบได้วันละ 257,525 บาร์เรล
ชาติในอาเซียน 10 ชาติที่ผลิตน้ำมันได้มี 6 ชาติคืออินโดนีเซีย 949,000 บาร์เรลต่อวัน มาเลเซีย 697,000 บาร์เรล เวียดนาม 301,850 บาร์เรลไทย 257,525 บาร์เรล บรูไน 109,117 บาร์เรล เมียนมา 15,000 บาร์เรลรวมผลิตได้วันละ 2,329,492 บาร์เรล โดยชาติอาเซียนมีกำลังผลิตน้ำมันสำเร็จรูปจากยอดซื้อน้ำมันเข้ามากลั่นต่อวันดังนี้คือ
ฟิลิปปินส์วันละ 1,500,000 บาร์เรล สิงคโปร์วันละ 970,000 บาร์เรล ไทยวันละ 900,000 บาร์เรลอินโดนีเซียวันละ 400,000 บาร์เรล มาเลเซียวันละ 200,000 บาร์เรล ส่วนชาติที่บริโภคน้ำมันต่อวันสูงสุดคือสหรัฐอเมริกา 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถึงแม้จะผลิตน้ำมันได้วันละ 13 ล้านบาร์เรลต้องนำเข้าน้ำมันวันละ 7 ล้านบาร์เรล ส่วน จีน บริโภคน้ำมันวันละ 13.225 ล้านบาร์เรลต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นวันละ 10 ล้านบาร์เรล
ในอนาคตอันใกล้ประเทศในประชาคมเศรษฐกิจยุโรปและจีนกำลังหันไปใช้รถยนต์พลังไฟฟ้าแทนรถน้ำมันซึ่งจะเป็นการลดภาระการบริโภคน้ำมันซึ่งจะทำให้ประเทศนำเข้าสินค้าลดลงในขณะที่ไทยก็เร่งมาตรการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อมาทดแทนการใช้น้ำมันภายในเวลา 5 ปีข้างหน้าคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีการใช้ร้อยละ 30 ส่วนอีก 10 ปี อาจจะเพิ่มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเป็นร้อยละ60-70
เป็นที่คาดหมายในอนาคตว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเหลือราคาบาร์เรลละไม่เกิน 40 ดอลลาร์อเมริกันเพราะความต้องการของตลาดโลกลดลงไปมากนั่นเองมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกจะเหลือลิตรละไม่เกิน 25 บาท หรือ 1 เหรียญสิงคโปร์ซึ่งจะเป็นตลาดของผู้ซื้อมากกว่าตลาดของผู้ขายจะทำให้ความสำคัญของกลุ่มโอเปกมีน้อยลงไปด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี