ปรากฏการณ์ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ทีมกู้ภัยจากทั่วโลกระดมสรรพกำลัง วิทยาการ เครื่องมือวิทยาศาสตร์ล้ำยุคที่ใช้บนพื้นพิภพ ใต้น้ำและในอวกาศ มาช่วยกู้ภัยค้นหา “ทีมหมูป่าอะคาเดมี” ที่ติดอยู่ในถ้ำนานกว่าสองสัปดาห์ เกิดคำถามว่านี่เป็นอุบัติเหตุ ปาฏิหาริย์ หรือโชคชะตาทำให้ทั่วโลกจับตามาที่ถ้ำหินปูนอันลึกลับซับซ้อนมหัศจรรย์พันลึก
ถ้ำหลวงฯ ลักษณะเป็นภูเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว มีส่วนหัว จมูก หน้าอก ลำตัว เป็นแนวขนานกับถนนเขตอำเภอแม่จัน-แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มีตำนานเล่าต่อๆ กันมาว่า เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้ง หนีตามชายเลี้ยงม้าในวังไปจนถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เจ้าหญิงตั้งครรภ์เดินต่อไปไม่ไหวจึงรออยู่ที่นี่ ส่วนสามีออกไปหาอาหารมาให้แต่หายไปไม่กลับมาอีกเลย ต่อมาทราบว่าสามีถูกทหารของพระบิดาฆ่าตาย นางเสียใจมากเลยเอาปิ่นปักผมแทงคอตัวเองตาย ร่างที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือกลายเป็น ดอยนางนอน
ถ้ำหลวงฯที่เหมือนเจ้าหญิงเมืองเชียงรุ้ง นอนทอดกายอย่างเดียวดาย กลายเป็นจุดสนใจทั่วโลกทันทีที่มีข่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ทีมหมูป่าหายเข้าไปในถ้ำที่ยากต่อการค้นหา เด็กๆ 13 คน ติดในถ้ำเป็นเรื่องที่คนทั่วไปสนใจ แต่ที่ถ้ำหลวงฯกระตุ้นความสนใจไปถึงคนทั่วโลกเพราะว่า “ทีมฟุตบอลหมูป่า” ประสบเหตุน่าตกใจ ในขณะการแข่งฟุตบอลชิงแชมป์โลก หรือ เวิลด์คัพ ดำเนินไปอย่างเข้มข้น ในประเทศญี่ปุ่นมีการฉายภาพตัวเลข “13 และคำว่าทีมหมูป่าปลอดภัย” บนจอทีวี ขณะที่ถ่ายทอดสด ทีมบราซิลแข่งกับทีมอุรุกวัย
ปรากฏการณ์ถ้ำหลวงนอกจากกระตุ้นความสนใจชาวโลก ปฏิบัติการค้นหากู้ภัยทำให้สังคมไทยได้ชื่นชมเพชรเม็ดงามในวงราชการ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายก่อนมีคำสั่งถูกย้ายไปจังหวัดพะเยา ที่สื่อมวลชนหลายสำนักวิจารณ์ว่าท่านถูกย้ายเพราะไม่อนุมัติงบประมาณก่อสร้างหลายโครงการที่ไม่ชอบมาพากล กับวลีเด็ดว่า “จังหวัดเชียงรายควรพัฒนามากกว่านี้ งบประมาณ 100 บาท ต้องลงถึงพื้นที่ 80-90 บาท ไม่ใช่ 30-40 บาท”
เหมือนสวรรค์มีตาขณะที่ผู้ว่าฯรอย้ายไป จ.พะเยา เกิดเหตุทีมหมูป่าหายเข้าไปในถ้ำ ด้วยตระหนักถึงภัยธรรมชาติประกอบกับความรู้ที่เรียนมา ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ สนองตอบเหตุการณ์อย่างฉับไว ประกาศถ้ำหลวงฯเป็นพื้นที่พิบัติภัย ตั้งศูนย์ปฏิบัติการกู้ภัยค้นหา โดยผู้ว่าฯเป็นผู้บัญชาการศูนย์ฯ ไม่ต้องรอนโยบายรอรับคำสั่งจากส่วนกลาง กองทัพสี่เหล่า กระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดถึงหน่วยงานเอกชน ส่งบุคลากรและเครื่องมือมาสนับสนุน หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจมกองทัพเรือ หรือ ซีล ถูกระดมเข้ามาร่วมปฏิบัติการกู้ภัยค้นหาภายใน 48 ชม. ที่ทีมหมูป่าหายเข้าไปในถ้ำ
ผู้ชำนาญการค้นหากู้ภัยในถ้ำ ถูกระดมมาร่วมงานโดยเฉพาะ นายเวิร์น อันสเวิร์ธ ชาวอังกฤษ ที่สำรวจถ้าหลวงฯมากว่า 7 ปี และชาวอังกฤษคนนี้เองที่แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจาก องค์กรกู้ภัยในถ้ำที่เรียกว่า Derbyshire cave rescue ในอังกฤษ การรับฟังความคิดเห็น ร่วมพิจารณาแผนงานจากทุกภาคส่วน และมาปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน ทำให้การค้นหาดำเนินไปด้วยดี นอกจากทีมอังกฤษ นักประดาน้ำกู้ภัยบูรณาการทีม “สหประชาชาติ” จากประเทศจีน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อิสราเอล ฟินแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ก อเมริกา ลาว พม่า ฯลฯ มาร่วมปฏิบัติการ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ เทสล่า สเปซเอ็กซ์ และ บอริง คัมพานี นำอุปกรณ์กู้ชีพ เป็นเรือดำน้ำขนาดจิ๋ว ชื่อ Wild-Boar “หมูป่า” มาให้แต่แคปซูลกู้ชีพล้ำยุคยังไม่ทันได้ใช้ ทีมกู้ภัยสหประชาชาติ ปฏิบัติการสำเร็จเสียก่อน
จากประสบการณ์การทำข่าว การกู้ภัยค้นหาที่มีผู้สูญเสียนับร้อยนับพันชีวิต มาหลายเหตุการณ์ เพิ่งเห็นว่าปฏิบัติการกู้ภัย “ทีมหมูป่า” มีแผนการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่ประเมินสถานการณ์ ซักซ้อมแผนปฏิบัติการ นักประดาน้ำระดับปรมาจารย์ 90 คน เป็นต่างชาติ 50 คน และซีลไทย 40 คน แบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ วิสัญญีแพทย์จากออสเตรเลียผู้มีประสบการณ์กู้ภัยในถ้ำ 39 ปี ทำหน้าที่ประเมินอาการของหมูป่าก่อนปล่อยออกจากถ้ำ นักดำน้ำระดับปรมาจารย์ต่างชาติ 13 คน ทำหน้าที่ลำเลียงหมูป่าออกจากถ้ำ โดยการสนับสนุนจาก 5 ซีลไทย ทีมกู้ภัยสหประชาชาติ ปฏิบัติการ 3 รอบ 3 วัน รวมเวลาปฏิบัติการราว 28 ชม. กู้ 13 ชีวิตออกจากถ้ำอย่างปลอดภัย การเข้มงวดจัดระเบียบเส้นทางลำเลียงหมูป่าส่งโรงพยาบาล นาทีนั้นแม้แต่รถยนต์ของรัฐมนตรีมหาดไทยก็เข้าพื้นที่ไม่ได้ นี่คือการทำงานตามมาตรฐานสากล ที่ควรเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติการครั้งต่อๆ ไป
นอกจากเคร่งครัดในปฏิบัติการ ตามแผนงานมาตรฐานสากล ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ ไม่ละเลยประเพณีและความเชื่อของชาวบ้านในมิติพิศวง ก่อนเริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้ว่าฯได้ทำพิธีบูชาเซ่นสรวงเจ้าป่าเจ้าเขารุกขเทวดา ตามความเชื่อว่าถ้ำหลวงฯ เป็นสถานที่ลี้ลับ ที่ยังไม่ได้สำรวจเป็นทางการ มีแต่งานวิจัยของสำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมธรรมชาติของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่า “ถ้ำหลวงฯ เป็นถ้ำขนาดใหญ่และลึกมาก มีความยาวที่เข้าไปสำรวจได้ในเดือน มิ.ย. ปี’37 เพียง 763 เมตร ต่อจากนั้นไม่สามารถเดินเข้าไปต่อได้อีก ช่วงแคบที่สุดประมาณ 1 เมตร การเดินในถ้ำยากลำบากมีหลุมขรุขระ และลาดชันหลายแห่ง...
การค้นหาโดยทีมสหประชาชาติ ต้องสู้กับธรรมชาติอันโหดร้าย กระแสน้ำวนและเชี่ยวกราก ความมืดคับแคบ ขรุขระ ในถ้ำทีมงานใช้เวลานานกว่า 222 ชั่วโมง ก่อนพบเป้าหมายอย่างปาฏิหาริย์ เมื่อเวลา 21.38 น. วันที่ 2 ก.ค. นายริชาร์ด สแตนตัน นักดำน้ำชาวอังกฤษผู้ค้นพบทีมหมูป่าคนแรกบอก นสพ.นิวยอร์กไทม์ ว่าเขากับจอห์น โวลันเธน ออกปฏิบัติงานวางเชือกใต้น้ำเพื่อเป็นแนวค้นหาและปลายเชือกไปหมดตรงนั้นพอดี เมื่อโผล่จากใต้น้ำไฟที่หน้าผากส่องไปเห็นแววตาเด็กๆนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ “มันเหมือนปาฏิหาริย์ ถ้าเชือกสั้นไปสัก 15 เมตร ผมก็ต้องกลับแล้วเริ่มภารกิจต่อไปในวันรุ่งขึ้น...”
พระอารยวังโส เขียนเรื่อง “อัศจรรย์แห่งธรรม...จากเด็กๆ ทีมหมูป่า” ใน นสพ.ไทยโพสต์ วันที่ 6 ก.ค. ตอนหนึ่งว่า... “ขณะที่ภายนอกกำลังโกลาหลด้วยการทำงานวิธีการต่างๆ และข่าวสารที่ถูกแพร่กว้างไปทั่วในทุกมิติจนเป็นที่น่าสนใจไปทั่วโลก...ภายในถ้ำหลวงที่เด็กๆหนีภัยน้ำป่าไหลหลากลงมาทางช่องทางเดินในภูเขา ที่เชื่อมโยงสู่ถ้ำต่างๆ ออกสู่ถ้ำหลวงกลับสงบเงียบ เพื่อรอคอยการช่วยเหลืออย่างมีสติปัญญา....พระเถราจารย์รูปหนึ่งได้เจริญภาวนาตามปกติ และได้สัมผัสจากการส่งจิตของเด็กชายคนหนึ่งที่ดูน่าจะมีอายุมากกว่าเด็กทุกคน ที่ส่งออกมาขอความช่วยเหลือ โดยจิตของเด็กมีกำลังสมาธิพอสมควร มีความสว่างพอรับรู้ได้...จิตไม่เดือดร้อนเป็นทุกข์ใดๆ...แม้จะปรากฏภาพซุกนั่งกันอยู่บนซอกถ้ำที่ยกตัวสูงเหนือน้ำ....ตรงตำแหน่งที่ทราบภายหลัง เรียกจุดดังกล่าวว่า ฐานนมสาว...ฯ พระอารยวังโส สาธยายไว้ละเอียดยืดยาวแต่สรุปความว่า “อัศจรรย์แห่งธรรม จากสมาธิภาวนา ทำให้สัมผัสจิตที่ขอความช่วยเหลือ จากในถ้ำได้...ข้อเขียนของพระอารยวังโส สอดคล้องกับที่พระครูบาบุญชุ่ม กล่าวในวันที่ 29 มิ.ย. ว่า “ทุกคนยังปลอดภัย อีกสองวันคงได้เห็น” กระแสข่าวจากลูกศิษย์ (ไม่ใช่จากครูบา) ว่าวันที่มาทำพิธีเปิดถ้ำ พระครูบา อธิษฐานบอกกับเจ้าหญิงเชียงรุ้งที่นอนทอดกายอยู่นานกว่า 300 ปีว่า ท่านคือคนเลี้ยงม้าที่ถูกทหาร 13 คน ของพระบิดาฆ่า ท่านอโหสิกรรมให้พวกเขาแล้วขอให้เจ้าหญิงเมตตาปล่อย หมูป่าออกมาจากถ้ำ
18 วันปรากฏการณ์ถ้ำหลวงฯ อุบัติเหตุและโชคชะตา ทำให้สังคมไทยรู้ว่ายังมีข้าราชการดี ที่บริหารจัดการภัยพิบัติและค้นหาตามมาตรฐานสากลได้ ซึ่งควรเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติการกู้ภัยภายหน้า 18 วันถ้ำหลวงฯทำให้เห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนไทย และการหลอมรวมดวงใจของคนทั้งโลก ปรากฏการณ์ถ้ำหลวงฯทำให้ตระหนักถึงภัยธรรมชาติ และที่เหนือความคาดหมายคือภัยอันตรายจากสิ่งเหนือธรรมชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี