อ้างตามคำพูดอมตะของ Michel Foucault (มิเชล ฟูโกต์) นักทฤษฎีชาวฝรั่งเศส ที่กล่าวว่า ข้อมูลข่าวสาร (หมายความรวมถึงสื่อสารมวลชน) คือเครื่องมือในการสร้างอำนาจที่ให้ผลอย่างมากมาย ผู้ใดสามารถครอบครองสื่อฯ ไว้ได้ ผู้นั้นจะกลายเป็นเจ้าของอำนาจโดยปริยาย
เมื่อสื่อฯ คือเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้ผู้ยึดกุมมันไว้ได้ กลายเป็นผู้มีอำนาจ ดังนั้นคนจำนวนมากจึงพยายามจะครอบครองสื่อฯ แม้กระทั่งคนที่ดูเสมือนสติปัญญาไม่เข้มแข็ง ก็ยังพยายามจะทำตัวเป็นสื่อมวลชน ดังจะพบจะเห็นได้ว่าคนพรรค์อย่างว่านั้นพยายามสร้างข่าว กระจายข่าว และส่งต่อข่าวต่างๆ นานาขึ้นมาทุกๆ วินาที และก็น่าสมเพชที่บางคนนั้นไม่มีข้อมูลใดๆ นำเสนอ นอกจากเรื่องไร้สาระ ดังจะพบได้ใน social media สารพัดชนิดในเมืองไทยของเรา (อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับนายทุนบางกลุ่มในเมืองไทยที่ตะเกียกตะกายหมายจะครอบครองสื่อฯ แต่สุดท้ายกลับมาตีโพยตีพายโวยวายเรียกร้องขอเงินคืนบ้าง ไม่ยอมจ่ายเงินค่าสัมปทานบ้าง เหตุเพราะความละโมบที่หลงคิดเอาเองว่าถ้ามีสื่อฯ ในกำมือแล้ว ตนจะรวยล้นฟ้า แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าต้องพบกับความขาดทุนอย่างวินาศสันตะโร เพราะสื่อฯ)
แน่นอนว่าสื่อสารมวลชน หรือข่าวสารที่นำเสนอโดยสื่อฯ ย่อมมีอิทธิพลเหนือผู้รับสารไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสติปัญญา และวิจารณญาณของผู้รับสาร ที่เรียกโดยรวมว่า ความรู้เท่าทันสื่อฯ ถ้าหากผู้รับสารรู้เท่าทันสื่อฯ ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อฯ แต่ถ้าผู้รับสารไร้ปัญญา ปราศจากการกลั่นกรองและไตร่ตรองแล้ว ก็ย่อมตกเป็นเหยื่อของสื่อฯ อย่างน่าเวทนา
ไม่มีใครปฏิเสธว่าสื่อฯ มีทั้งดีและเลว และสื่อฯ ก็คือธุรกิจชนิดหนึ่ง เมื่อตระหนักชัดว่าสื่อฯ มีทั้งดีและเลว และสื่อฯ ก็เป็นธุรกิจชนิดหนึ่งที่ต้องการแสวงหากำไรเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้ ดังนั้นผู้รับสารจึงมีส่วนสำคัญในการทำให้สื่อฯ ดีหรือสื่อฯ เลวดำรงอยู่ในสังคมได้ต่อไป ถ้าผู้รับสารไม่สนับสนุนสื่อฯ เลว สื่อฯ เลวก็ต้องยุติการทำธุรกิจไปในที่สุด แต่ถ้าหากผู้รับสารนิยมบริโภคสื่อฯ เลว ก็เท่ากับสนับสนุนสื่อฯ เลวให้ดำรงอยู่ต่อไป เพราะฉะนั้นจึงไม่เกิดประโยชน์อันใดที่จะร้องหาสื่อฯ ดี เพราะเมื่อผู้เสพต้องการสื่อฯ เลว แล้วปฏิเสธสื่อฯ ดี สื่อฯ ดีก็ไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้
มีผู้เรียกร้องว่าสื่อฯ ต้องมีจรรยาบรรณในการทำวิชาชีพ สื่อฯ ต้องรายงานข่าวที่สร้างสรรค์และให้คุณประโยชน์ ต่อสาธารณชน แต่คำถามคือ แล้วทำไมสื่อฯ จำนวนไม่น้อยในบ้านเมืองของเราจึงไม่ทำในสิ่งที่ผู้คนเรียกร้อง แต่เมื่อดูให้ลึกลงไปกลับพบว่า สื่อฯ ที่ยึดมั่นในหลักจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้เสพ ส่วนสื่อฯ จำพวกเบาปัญญา ไร้สาระ และเต็มไปด้วยความเพ้อเจ้อเลื่อนลอย กลับได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้เสพ เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีคำถามว่า ตกลงแล้วผู้เสพต้องการจะเสพสื่อฯ ชนิดใดกันแน่ ระหว่างสื่อฯ มีสาระกับสื่อฯ ไร้สาระ
การนำเสนอข่าวสารและข้อมูลของสื่อฯ ย่อมต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้เสพ ไม่เคยมีสื่อฯ วิเศษวิโสหรือเต็มไปด้วยสาระรายใดสามารถดำรงอยู่ได้ในสังคมที่ผู้เสพสื่อฯ ไร้สติ ไร้ปัญญา ที่เลือกเสพเฉพาะสื่อฯ ที่ไร้สาระ แล้วก็ไม่เคยมีสื่อฯ ไร้สาระรายใดดำรงอยู่ได้ในสังคมที่ผู้เสพสื่อฯ เป็นผู้มีสติปัญญา นี่คือข้อเท็จจริงที่สาธารณชนต้องไม่ปฏิเสธ และต้องไม่โกหกตัวเองอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี