ภาษีบาปที่ว่านี้เป็นภาษีที่อยู่ในความรับผิดชอบของ 3 กรม จัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมสรรพสามิต, กรมสรรพากร และกรมศุลกากรนั่นเอง ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีแบบรวดเร็วทันใจทำให้ส่งผลไปถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบต้นน้ำ, กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งหากไม่มองรอบด้านไปขึ้นอัตราภาษีแบบก้าวกระโดดจะทำให้เกษตรกรและประชาชนที่ทำมาหากินที่เกี่ยวข้องต้องได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย
ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการเกษตรต้นน้ำที่ไปเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีอยู่หลายประเภทคือการปลูกอ้อยนำไปผลิตน้ำตาล, การปลูกข้าวและองุ่นนำไปผลิตเครื่องดื่ม เช่น สุราหมัก, สุราแช่ หรือว่าเบียร์, การปลูกชานำไปผลิตเครื่องดื่ม คือ ชาและชาสำเร็จรูป, การปลูกกาแฟนำไปผลิตกาแฟสำเร็จรูป, การปลูกยาสูบนำไปผลิตบุหรี่ซิกาแรต, ยาเส้นมวนเอง และซิการ์ รวมไปถึงการนำน้ำตาลอ้อยนำไปผลิตโมลาสหัวเชื้อแอลกอฮอล์ไปผลิตสุรา
ไทยได้นำเอาภาษีบาปจากอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ได้แก่ สุรา, เบียร์, ไวน์, บุหรี่ซิกาแรตทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ในกิจกรรมการส่งเสริมกีฬา, กองทุน สสส., สถานีโทรทัศน์สื่อสาธารณะและสนับสนุนส่งเสริมสวัสดิภาพคนสูงอายุ ซึ่งยอดรวมการเก็บภาษีจากธุรกิจทั้งหมดนี้เป็นวงเงินหลายแสนล้านบาท นอกจากนี้ธุรกิจจากรายได้และรายรับของภาษีบาปยังต้องเสียภาษีการนำเข้าในระบบภาษีศุลกากรและยังเสียภาษีจากกำไรสุทธิจากบริษัทที่มีกำไรจากการค้าสินค้าอีกส่วนหนึ่งด้วยซึ่งปริมาณเงินในระบบภาษีทั้ง 3 กรม มีวงเงินรวมไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี
แนวโน้มในแนวความคิดของกระทรวงการคลังที่มีความเชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุขในอนาคตอันใกล้ก็คือการมีแนวความคิดเก็บภาษีบาปและเครื่องดื่มและยาสูบในอัตราก้าวหน้าเพิ่มขึ้นไปอีกซึ่งอ้างว่าบุหรี่ทำให้ผู้บริโภคเสียสุขภาพเช่นเดียวกับการบริโภคสุรา, ไวน์, เบียร์ รวมไปถึงเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม, ชา, กาแฟ, น้ำผลไม้โดยอ้างว่าน้ำตาลทำให้ผู้ดื่มเสียสุขภาพ
ประเด็นนี้ต้องมองภาพรวมของอุตสาหกรรมการเกษตรให้รอบคอบและรอบด้านเพราะถ้าหากเก็บภาษีในอัตราที่สูงมากไปจะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมและไปทำลายรากฐานการเพาะปลูกผลผลิตอุตสาหกรรมการเกษตรที่ครอบคลุมไปถึงอ้อย, ยาสูบ, ชา, กาแฟ, ผลไม้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว, แตงโม, ส้มเขียวหวาน, สัมโอ, สับปะรด, องุ่น, ลิ้นจี่, ลำไย, ทุเรียน ฯลฯ เพราะถ้าเก็บภาษีมากเกินไปแทนที่จะได้ผลดีจะไปส่งผลร้ายเพราะเกษตรกรจะหมดอาชีพอย่างชาวไร่ยาสูบของเรา 50,000 ครอบครัว ใน 20 จังหวัด กำลังเผชิญปัญหาอยู่ในขณะนี้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาชาวไร่ยาสูบในหลายจังหวัดทางภาคเหนือและภาคอีสานได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมในหลายจังหวัดเนื่องจากการยาสูบแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังประกาศจะงดรับซื้อใบยาสูบในฤดูกาลที่จะมาถึงคือปี 2561/2562อย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และอาจจะไม่รับซื้อใบยาสูบไปอีก 2-3 ปี เพราะยอดขายบุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทยลดลงอย่างฮวบฮาบทำให้มีสต๊อกใบยาเหลืออยู่จำนวนนับหมื่นตัน
ทำให้ชาวไร่ยาสูบในภาคเหนือและภาคอีสานต้องสูญเสียรายได้สำคัญเพราะนอกเหนือไปจากการทำนาปลูกข้าวในแต่ละปีแล้ว ยาสูบยังคงเป็นพืชที่ทำรายได้ให้กับชาวไร่เป็นอย่างดีมาหลายชั่วอายุคนนับตั้งแต่ปี 2480 เป็นต้นมา เป็นความทุกข์ของเกษตรกรที่ไม่มีโอกาสมากนักในสังคม รายได้ทุกบาททุกสตางค์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการครองชีพ
สิ่งที่ชาวไร่ยาสูบกังวลมากเพราะรัฐบาลได้ประกาศจะเดินหน้าขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่อีก 2 เท่า จากที่เคยเก็บร้อยละ 20 และ 40 ของราคาขายปลีกจะขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 40 อัตราเดียวในเดือนตุลาคม ปี 2562 เท่ากับว่าบุหรี่ที่เสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 ซึ่งมีถึงประมาณร้อยละ 80 ของบุหรี่ที่ขายในประเทศทั้งหมดจะต้องปรับราคาสูงขึ้นอีกระลอก จาก 60 บาท อาจขึ้นไปถึง 90 บาท ก็เป็นไปได้
ปรากฏการณ์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่าการขึ้นภาษีทุกครั้งทำให้ตลาดบุหรี่หดตัวลง แต่ไปทำให้ปัญหาบุหรี่เถื่อน บุหรี่ปลอมระบาดหนักโดยเฉพาะภาคใต้และบริเวณแนวชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้านบุหรี่ถูกกฎหมายขายได้ยากลำบากยิ่งขึ้นเพราะบุหรี่เถื่อนขายราคา 15 บาทต่อซอง ต่างกันถึง 45 บาท
แต่การขึ้นภาษีในปีหน้านี้นอกจากจะทำให้บุหรี่เถื่อนแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้นแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อรายได้อาชีพและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไร่และผู้เกี่ยวข้องซึ่งมีนับแสนคนอีกด้วย จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องนำมาพิจารณาทบทวนอย่างรอบคอบอีกครั้งถึงผลกระทบที่อาจตามมา
โดยนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมสรรพสามิต, นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย ต้องประชุมหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี