ในที่สุดด้วยความเอื้อเฟื้อจากทุกฝ่ายทั้งภาคราชการ-เอกชน รวมทั้งจากต่างประเทศด้วยในการช่วยเหลือทีมหมูป่า ๑๓ ชีวิตที่ตรงกับสุภาษิตของไทยอยู่บทหนึ่งว่า
“ไม่ใช่ชาติ ไม่ใช่เชื้อ ถ้ามีความเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา”
ในช่วง ๑๗ วัน จากความเอื้อเฟื้อตามสุภาษิตดังกล่าวที่ใช้ได้ในทุกชีวิตประจำวัน ทุกสถานที่ ทั่วทั้งโลก ก็จะเกิดผลดัง ๑๓ ชีวิต ที่สามารถช่วยออกมาได้ด้วยความปลอดภัยทุกคน
แต่ในคณะที่ร่วมกันช่วยเหลือก็มีความเสียใจที่สุดซึ้งเกิดขึ้นคือกรณีจ่าเอกสมาน กุนันหรือ “จ่าแซม” อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หน่วยซีล ที่ออกจากราชการแล้ว แต่ด้วยความรักผูกพันที่ยังมีอยู่ในหัวใจคือความ “เอื้อเฟื้อ” ที่มีอยู่ในหน้าที่เดิมในอดีต เมื่อทราบข่าวนักฟุตบอลเยาวชนรวมทั้งโค้ช ๑๓ คน ที่ติดอยู่ในถ้ำนางนอน จังหวัดเชียงรายและหลายฝ่ายต่างได้พยายามช่วยเหลือพาออกจากถ้ำ ในการระดมกำลังผู้เชี่ยวชาญนักดำน้ำนี้ จ่าเอกสมาน ได้มาร่วมช่วยค้นหาเพื่อพาออกจากถ้ำด้วย แต่การว่ายน้ำดำน้ำวันละหลายชั่วโมงของจ่าแซม ร่างกายอาจจะทนไม่ได้ จึงได้เสียชีวิตลงตามข่าวที่ทราบกันอยู่ในขณะนี้
กรณีดังกล่าวนี้แม้จ่าเอก สมาน กุนัน จะมิได้รับราชการแล้วก็ตาม แต่มีกฎหมายที่ดีอยู่ฉบับหนึ่งที่ใช้บังคับเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในกรณีเช่นจ่าแซมนี้แต่ปรากฏว่าประชาชนที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับการสงเคราะห์ตามกฎหมายนี้รู้กันน้อยมาก หรือมาทราบก็ผ่านพ้นระยะเวลาสองปีไปแล้วจึงเสียสิทธิที่พึงจะได้อย่างน่าเสียดาย กฎหมายฉบับนี้มีชื่อเต็มและเพียงชื่อก็เป็นสื่อให้เห็นถึงความ “เอื้อเฟื้อ” เป็น “อานิสงส์” เกิดขึ้นกรณีที่ได้รับการสงเคราะห์แล้ว คือ
พระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการ
การปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม
พ.ศ. ๒๕๔๓
กฎหมายฉบับนี้อ่านแล้วเข้าใจง่ายที่เป็นลักษณะของกฎหมายที่ดีต่างกับกฎหมายบางฉบับอ่านแล้วเข้าใจยากเหลือเกิน เช่น กฎหมาย “สินทรัพย์ดิจิทัล”หรือ “เงินบิทคอยน์” ที่ได้ออกมาใช้บังคับไม่กี่วันนี้ เพียงแค่ชื่อก็ไม่เข้าใจแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องมี เพราะมนุษย์เราบางคนมีความไม่พอ ตามพุทธพจน์บทหนึ่งที่ขออัญเชิญมาดังนี้ “แม้เหรียญกษาปณ์ตกมาดังห่าฝน ก็มิทำให้กามชนอิ่มในกาม” ขอย้อนมาถึงกฎหมายตอบแทนพลเมืองดีเช่นกรณีจ่าแซม กฎหมายนี้ได้เคยมีมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ มาบัญญัติใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๓ สมัยคุณชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ขอนำเฉพาะสาระสำคัญในกฎหมายฉบับนี้บางส่วน มาเผยแพร่ให้ทราบกัน ดังนี้ ครับ
เงินที่จะช่วยเหลือตามกฎหมายมีทั้งกรณีที่จะได้แก่
๑ ตัวผู้ประสบภัยเอง
๒ ทายาทกรณีผู้ประสบภัยตาย
มีเงินช่วยเหลือ ดังนี้
“เงินสงเคราะห์” หมายความว่า เงินชดเชยและเงินดำรงชีพ
“เงินชดเชย” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่จ่ายเป็นเงินก้อนให้แก่ผู้ประสบภัยหรือทายาทในกรณีผู้ประสบภัยตาย เช่นในกรณีจ่าแซมทายาทจะเป็นผู้ได้รับเงินชดเชยลักษณะเดียวกับเงินบำเหน็จตกทอดตามกฎหมายบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
“เงินดำรงชีพ” หมายความว่า เงินสงเคราะห์ที่จ่ายเป็นรายเดือนให้แก่ผู้ประสบภัย
“เงินช่วยเหลือค่าจัดการศพ” จ่ายให้แก่ทายาทตามกฎหมายของผู้ตาย
“ทายาท” หมายความว่า
(๑) บุตร และให้หมายความรวมถึงบุตรซึ่งได้มีคำพิพากษาของศาลว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายซึ่งได้มีการฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรก่อนหรือภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่บิดาตายหรือนับแต่วันที่ได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของบิดา
(๒) สามีหรือภรรยา และ
(๓) บิดามารดา หรือบิดาหรือมารดา
เหตุที่จะได้รับการสงเคราะห์จะต้องเป็นการกระทำตามที่มาตรา ๕ กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ ดังนี้ ผู้ใดถูกประทุษร้ายหรือได้รับอันตรายถึงสูญเสียอวัยวะหรือสมรรถภาพ ในการทำงานของอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งไป หรือทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บจนไม่สามารถใช้กำลังกายหรือความคิดประกอบอาชีพได้ตามปกติเพราะเหตุผู้นั้นได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) ช่วยเหลือราชการ
(๒) ปฏิบัติงานของชาติตามที่ได้รับมอบหมายจากทางราชการ
(๓) ปฏิบัติการตามหน้าที่หรือช่วยเหลือบุคคลอื่นตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด หรือ
(๔) ปฏิบัติการตามหน้าที่มนุษยธรรมซึ่งพลเมืองดีพึงปฏิบัติในเมื่อการปฏิบัติการนั้นไม่ขัดกับคำสั่งโดยชอบของเจ้าพนักงานในกรณีตามวรรคหนึ่งให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ประสบภัย และให้ได้รับเงินชดเชยเว้นแต่การถูกประทุษร้าย หรือการได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือจากความผิดของตนเอง
ในกรณีผู้ประสบภัยตายให้จ่ายเงินชดเชยให้แก่ทายาท
มาตรา ๑๒ การขอรับเงินสงเคราะห์ต้องกระทำภายในระยะเวลาสองปีนับแต่วันที่ผู้มีสิทธิได้ทราบถึงสิทธิของตนการยื่นคำขอรับเงินสงเคราะห์และแบบคำขอรับเงินสงเคราะห์ ให้เป็นไปตามระเบียบที่กระทรวงการคลังกำหนด
มาตรา ๑๓ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการสงเคราะห์ผู้ประสบภัย” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมและผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการ และให้อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๑๗ การจ่ายเงินสงเคราะห์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
หมายเหตุ รายละเอียดมากกว่านี้หาอ่านได้ที่ web site ของกรมบัญชีกลาง
ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี