ในที่สุดรัฐบาลคสช.ของ “ลุงตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตกลงปรับเปลี่ยนสถานที่จัดการประชุมครม.สัญจรครั้งที่ 5/2561 ไปเป็นที่จังหวัดอุบลราชธานีแทนที่พื้นที่จังหวัดล้านนาตะวันออกแล้ว โดย พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่าครม.เห็นชอบให้จัดการประชุมครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 5/2561
และตรวจราชการในระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ได้แก่ จ.อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และยโสธร โดยนายกรัฐมนตรีจะได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี และประชุมครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี
ในยุทธศาสตร์ทางการเมืองนั้นสำหรับพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี ถือเป็นเขตของคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทยภายใต้อิทธิพลของ นายทักษิณ ชินวัตร ในการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายที่ผ่านมาคนของระบอบทักษิณแทบจะกวาดเก้าอี้ สส.เกือบยกจังหวัด ปล่อยให้พรรคคู่แข่งอย่างพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา สอดแทรกเข้ามาได้ไม่กี่ที่นั่งเท่านั้น
ทางด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่าสาเหตุที่เปลี่ยนสถานที่ประชุม เนื่องจาก จ.เชียงราย ยังมีภารกิจดำเนินการค้นหาและช่วยชีวิตเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 คน ออกจากถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน รัฐบาลจึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนไปยังจังหวัดในภาคอีสาน
ส่วนเหตุผลที่เป็น จ.อุบลราชธานี และ จ.อำนาจเจริญ นั้น เพราะหลังจากที่ตนกลับจากการไปลงพื้นที่ใน จ.อำนาจเจริญ รวมถึงได้หารือกันทั้ง 2 วันนี้แล้ว เห็นว่าเขามีความพร้อมที่จะจัดงานดังกล่าวได้ทันที ที่ประชุม ครม.จึงมีมติเห็นชอบตามที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ มีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้ไปร่วมงานแห่เทียนพรรษาที่ จ.อุบลราชธานี ด้วย
เมื่อไปตรวจสอบผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2554 สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่หนีคดีอาญาไปสหราชอาณาจักรนั้นจังหวัดอำนาจเจริญมี สส.เขต 2 คน คนหนึ่งคือ นางสมหญิง บัวบุตร พรรคเพื่อไทย อีกคนคือ นายอภิวัฒน์ เงินหมื่น จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นบุตรชายของนายสุทัศน์ เงินหมื่น แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่อีสานใต้
จังหวัดอุบลราชธานีมี สส.เขตรวม 11 คน ด้วยกันเป็นสส.พรรคเพื่อไทย 7 คน คือ นายวรวิทธิ์ กัลป์ตินันท์ บุตรชาย ของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายสุพล ฟองงาม นายสุทธิชัย จรูญเนตร นายพิสิษฐ์ สันตพันธุ์ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายปัญญา จินตะเวช ที่เหลือ 4 คน มาจากพรรคประชาธิปัตย์ 3 คน คือ นายศุภชัย ศรีหล้า, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร บุตรของนายวิฑูรย์ นามบุตร และนางสาวบุณย์ธิดา สมชัย บุตรสาวของ นายอิสสระ สมชัย คนสุดท้าย คือ นายตุ่น จินตะเวช สส.เก่าแก่จากพรรคชาติไทยพัฒนา
จังหวัดยโสธรหรือเมืองยศที่เก่าแก่ของอีสานใต้นั้นเดิมเป็นเมืองเอกในปกครองของมณฑลอุบลราชธานีเมืองดอกบัวเหมือนอำนาจเจริญมี สส. 3 คน มาจากพรรคเพื่อไทยทั้งชุดคือ นายปิยวัฒน์ พันธ์สายเชื้อ, นายบุญแก้ว สมวงศ์ และดร.พีระพันธุ์ พาลุสุข อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหง อดีตมือกฎหมายคนหนึ่งของพรรคเพื่อทักษิณที่ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนจังหวัดศรีสะเกษมีจำนวน สส.รวม 8 คน มาจากพรรคเพื่อไทย 7 คน นำทีมโดย นายธเนศ เครือรัตน์ นักการเมืองรุ่นเก๋าประธานสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ เอฟซี ทายาทด้านกีฬาของอาจารย์บุญชง วีสมหมาย อดีตสส.ที่ถึงแก่กรรมไปแล้วที่เหลือได้แก่ นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ นายธีระ ไตรสรณกุล นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ นายมานพ จรัสดำรงนิตย์ นายปวีณ แซ่จึง ส่วน สส.คนสุดท้ายคือ นางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ จากพรรคภูมิใจไทย
การไปประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ทางด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความเห็นที่ไม่ต่างจากความเห็นของสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาลว่าเป็นการไปประชุมพบปะประชาชนในพื้นที่อีสานใต้แบบปกติเหมือนการไปประชุมครม.สัญจรทุกๆ ครั้งนั่นเอง ไม่ใช่เรื่องพิเศษแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เป็นที่คาดหมายว่า รัฐบาลลุงตู่ต้องการเดินทางไปในพื้นที่ประเทศไทยให้ครอบคลุมมากที่สุดเพื่อเป้าประสงค์ทางการเมืองและการบริหารประเทศไม่ใช่ต้องการไป “ดูด” ใครทั้งสิ้น หากใครจะมาต่อว่าการไปประชุมครม.สัญจรก็ไม่สนใจเพราะรัฐบาลนี้สนใจเพียงแต่ไปรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี