ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ได้ปาฐกถาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังป่วยเรื้อรัง เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ต้องตระหนักถึงปัญหานี้โดยเร็วด้วยความเข้าใจอย่างถูกต้อง
อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติได้กล่าวว่าประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ประเทศไทยติดอยู่ในกลุ่มชาติที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับต้นๆ ของโลกเช่นเดียวกับ 2 มหาอำนาจของโลก ซึ่งได้แก่ สาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์รัสเซียประชากรไทย ร้อยละ 10 ประมาณ 6-7 ล้านคนยากจนมากในขณะที่คนไทยอีกร้อยละ 10 ประมาณ 7 ล้านคน เป็นกลุ่มคนที่มีฐานะที่ร่ำรวยมากมีฐานะความเป็นอยู่ร่ำรวยหรูหราไม่แพ้เศรษฐีชาวอเมริกันในมหานครนิวยอร์ก
จึงไม่แปลกที่คนไทยที่รวยมากๆ มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์แบรนด์เนม เช่น ฮาร์เลย์เดวิดสัน, ดูคาร์ตี้, เฟอรารี่, โลตัส, จากัวร์, ไทรอัมพ์, ปอร์ช, โรลซ์-รอยส์ฯลฯ เป็นปริมาณนับหมื่นๆ คัน มากกว่าหลายประเทศในยุโรปมีความแตกต่างของรายได้ต่อเดือนมากประมาณ 22 ไปจนถึง 25 เท่าตัว
สาเหตุของปัญหามาจากทิศทางการพัฒนาที่เน้นปริมาณอย่างหยาบๆ ที่แน้นกันแค่จีดีพีโตปีละมากๆ โดยไม่
ดูคุณภาพ อีกด้านหนึ่ง การค้าเสรีที่ไร้กติกาที่แต่ละคนมีทุนและโอกาสไม่เท่ากันทำให้การพัฒนาออกมาในลักษณะเศรษฐกิจยิ่งโตมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้มีทุนมากกว่าย่อมมีความได้เปรียบทางสังคมมากกว่าคนรากหญ้า
ทิศทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ คือ กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมากขึ้น การพัฒนาหัวเมืองในภูมิภาค เพื่อไม่ให้เกิดการพัฒนากระจุกตัวในแค่กทม.ในระดับชุมชนต้องเพิ่มความแข็งในทุกมิติต่างๆ ระดับบุคคลก็ต้องเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร แรงงานยากจน และฐานรากหญ้าเพื่อให้ทุกๆ คนยืนอยู่บนขาของตัวเองได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่เกินร้อยละ 5 ซึ่งเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านกลุ่มซีแอลเอ็มเอที่ขยายตัวสูงกว่า
เรื่องที่น่าห่วงมากๆคือสังคมไทยอยู่ในช่วงที่มีประชากรสูงอายุมากผิดปกติ มีประชากรสูงอายุถึงร้อยละ
20 อนาคตยิ่งท้าทายเพราะในปี 2583 คนไทย 1 ใน 3 จะมีอายุมากกว่า 60 ปี ธนาคารโลกเห็นว่าค่ากลางของอายุคนไทยจะเพิ่มจาก 38 เป็น 49 ปี ฐานกำลังคนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะน้อยลงขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ในเชิงเศรษฐกิจจึงเปรียบเอาคนแก่ไปสู่แรงกับคนหนุ่มสาวที่น่าห่วง คือคนไทยจะ
มีคนสูงอายุมีมาก
บทบาทของภาคราชการนั้นไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า บริบทเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ต่างจากอดีตมากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง สถาบันด้านเศรษฐกิจ
หลายส่วนที่เคยออกแบบไว้ในอดีตไม่สามารถตอบโจทย์ประเทศภายใต้บริบทใหม่ ให้สอดคล้องกับจังหวะการ
เดินหน้าของประเทศ
รัฐบาลต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วนจะรอช้าไม่ได้เพราะวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ชนชั้นร่ำรวยของไทยต้องเข้ามาร่วมมือกับรัฐแก้ไขปัญหาจะปล่อยให้รัฐบาลทำฝ่ายเดียวคงไม่ได้แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี