l ความจริง เรื่องนี้ มีความหมายและความสำคัญ ต่อชีวิตของคนเรามาก
แต่เพราะเราไม่ได้สนใจไม่ให้ความสำคัญ ไม่ได้เอาใจจดจ่อต่อเรื่องที่สำคัญของชีวิตเราจึงปล่อยใจไปตาม “โลภโกรธหลง” ใช้ชีวิตโดยให้ “อารมณ์ อคติความไม่รู้ และผู้อื่น” มากำหนด “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ชีวิตเรามีเวลาจำกัด เราเกิดจากพ่อแม่ เรามีลูก เรามีหลาน เราอยู่บนแผ่นดินไทยใครสร้างใครเลี้ยง ที่ทำให้เรามีสุขความสำเร็จ เพราะเรามีสถาบันหลักของชาติ มีบรรพบุรุษพ่อแม่เพื่อนมิตรเราเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์สังคม อยู่คนเดียวไม่ดี ต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก เราควรคิดถึง “ใจเขาใจเรา” หาคำตอบจากเรื่องที่นำมาลง-แล้วคิดต่อ ตอนนี้อายุ 70 วันวานวันนี้ไปงานศพเพื่อน พรุ่งนี้ ถึงวันเราแล้ว
l 1.เรื่องปลาทูไหม้ สอนใจ
“แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำทุกวัน...คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวันพอแม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราปกติ
ที่โต๊ะอาหารแม่วางจานที่มีปลาทูที่ไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้าพ่อและทุกๆ คน...ผมรอว่า แต่ละคนจะว่าอย่างไร...แต่...พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง คืนนั้นหลังอาหารเย็นผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทูไหม้...และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย “โอย...ผมชอบปลาทูทอดเกรียมๆ...อร่อยมากนะ” คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอน และถามพ่อว่า “พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ”
@ พ่อลูบหัวผม และตอบว่า... “แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน” ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร “แต่คำพูดที่ต่อว่ากัน ต่างหากที่จะทำร้ายกัน” “ชีวิตคนเรา เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคน ก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ” “พ่อเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เคยลืมวันเกิดแม่ วันครบรอบวันแต่งงาน และแม้แต่พ่อเองยังเคยลืม ทำบุญวันเกิดของพ่อและแม่ของพ่อเองตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เลย”
@ แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิตคือ...การเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดของคนอื่น และของตัวเอง การเลือกที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและยืนยาว “ชีวิตเราสั้นเกินกว่า ที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารักและรักเรา ให้ดูแลและทะนุถนอมคนที่รักเรา และพยายามเข้าใจและให้อภัยจะดีกว่า”
@ ถ้าเรารู้ เราจะทำไหม?
-เราจะวิจารณ์เขาทุกเรื่องมั้ย-ถ้าเรารู้ว่า กติกาไม่สมบูรณ์ แต่เขาพยายาม เอาจริงจริงใจเพื่อส่วนรวม
-เราจะเชียร์ปกป้องเขามั้ย-ถ้าเรารู้ว่า เขาโกงชาติใช้อำนาจเพื่อตนเอง ไม่ยอมรับศาลตัดสินให้จำคุก
-เราจะกล่าวหาเขามั้ย-ทั้งๆ ที่เรารู้ว่า เขาเคยอยู่ร่วมกับเรา แต่เขาต้องการออกไปทำการเมืองใหม่
-เราจะให้กำลังใจเพื่อนมั้ย-ถ้าเรารู้ว่า เขาทุ่มเททำงานหนัก หวังสร้างคนให้มีคุณภาพ
-เราจะบีบแตรใส่คนที่ยืนยึกยักริมถนนแยกที่ผ่านมามั้ย
-ถ้าเรารู้ว่าเค้าใส่ขาเทียม
-เราจะหมั่นไส้ลุงที่หัวเราะเสียงดังลั่นคนนั้นมั้ย-ถ้ารู้ว่าแกเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย
-เรารู้แจ่มชัดเสมอ…ว่าชีวิตเรากำลังเจออะไร แต่เราไม่มีวันรู้ว่า “คนที่เราเจอ-กำลังเจอกับอะไร”
โลกกว้างกว่าเงาของเรา และโลกก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง ให้โอกาสและให้อภัย มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน จะได้รักและอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน ยาวนาน เพราะบางครั้ง... ชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ
2.อยู่ให้คุ้มนะ ไอ้หนู/เดวิด บุญทวี
การสละชีพของ “จ่าเอกสมาน กุนัน” ในภารกิจพา 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง ต้องถือว่าสร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่งต่อผู้คนจำนวนมาก ขณะที่ผมกำลังติดตามข่าวอยู่นั้น พลันก็นึกถึงบางประโยคจาก หนังเรื่อง Saving Private Ryan (เข้าฉายไทยปี 2541) เป็นเรื่องของทหารอเมริกันหน่วยหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้รับมอบภารกิจให้พาพลทหารเจมส์ ฟรานซิส ไรอัน (รับบทโดย แมท เดมอน) กลับออกมาจากสมรภูมิที่นอร์มังดีให้ได้ เนื่องจากพี่ชายทุกคนของพลทหารนายนี้ได้เสียชีวิตจากการรบทั้งหมด ครอบครัวไรอันจึงไม่ควรสูญเสียไปมากกว่านี้หน่วยทหารที่เข้าไปช่วย ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและภยันตรายอย่างแสนสาหัส ถึงขนาดที่ทหารเกือบทั้งหน่วยต้องสละชีพไปในภารกิจนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหน่วยอย่างร้อยเอกจอห์น เอช มิลเลอร์ (รับบทโดย ทอม แฮงค์)
@ ก่อนผู้กองมิลเลอร์จะเสียชีวิต ได้เอ่ยบางคำกับพลทหารไรอันว่า “James earn this. Earn it.”
“เจมส์ อยู่ให้คุ้มนะ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่านะ ขอให้เป็นคนดี ให้สมกับที่ทุกคนยอมแลกชีวิตเพื่อช่วยคุณ” ฉากจบ พลทหารไรอันในวัยชรา ได้ไปคารวะหลุมฝังศพของผู้กองมิลเลอร์ และได้กล่าวต่อหน้าหลุมศพว่า “Every day I think about what you said to me that day on the bridge.And I’ve tried to live my life the best I could. I hope that was enough. I hope that at least in your eyes, I’ve earned what all of you have done for me.”
“ทุกวัน ผมนึกถึงสิ่งที่ท่านบอกผมบนสะพาน (สมรภูมิสุดท้ายก่อนที่ผู้กองมิลเลอร์จะเสียชีวิต) และผมก็พยายามที่จะมีชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมหวังว่าอย่างน้อยๆ ท่านจะได้เห็นว่าผมใช้ชีวิตของผมอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำเพื่อผม”
@ ครับ ถ้านาวาตรีสมานสามารถสื่อสารกับทั้ง 13 ชีวิตได้ ผมเชื่อว่าท่านคงจะพูดคล้ายๆ กับที่ผู้กองมิลเลอร์พูดกับพลทหารไรอัน “น้องๆ อยู่ให้คุ้มนะ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่านะ ขอให้เป็นคนดี ให้สมกับที่ทุกคนยอมแลกชีวิตเพื่อช่วยพวกน้อง” แด่ “นาวาตรีสมาน กุนัน” ขอได้รับการคารวะจากหัวใจ ขอขอบคุณ อาจารย์ฮิม-ประสิทธิ์ องอาจตระกูล และ “สำหรับแรงบันดาลใจและบางถ้อยคำ Cr.Suvinai Pornavalai 7/7/61
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี