“การยกเลิกสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร” นับเป็นหนึ่งในมาตรการ “ถอยหลังเข้าคลอง” และสวนทางกับแนวคิด ข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปการเมืองการปกครอง ที่ให้เน้นการ “กระจายอำนาจ”ให้แก่ประชาชนให้มากขึ้น ข้ามหัวประชาชน ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน โอนอำนาจกลับเข้าสู่การแต่งตั้งของผู้อำนวยการเขตบั่นทอนกระบวนการดุลและคานอำนาจ ทำลายโอกาสในการมี “ตัวแทนโดยตรง” ของประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร อย่างสิ้นเชิงซึ่งกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ก็กระทำอย่างจำกัดจำเขี่ยขาดการประชาสัมพันธ์ ขาดการกระตุ้นให้ประชาชนรู้ และเข้ามามีส่วนร่วม และหมกเม็ดซ่อนกลเอาไว้หลายประการ
เช่น รับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ ซึ่งคนแก่คนเฒ่า อากงอาม่าอาจทำไม่เป็น ในแบบสอบถามหรือแบบการรับฟังความคิดเห็น มีแค่ช่อง“เห็นด้วย” กับช่อง “อื่นๆ” ไม่มีช่อง “ไม่เห็นด้วย” อันนี้แปลว่าอะไรครับ?
ประเด็น “ยกเลิก สภาเขต” และให้มี “คณะกรรมการประชาคมเขต”ที่มาจากตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ ที่กำหนดลักษณะว่าต้องเป็นกลุ่มตัวแทนอาชีพ-อาสาสมัคร-ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 20 คนต่อเขตแทนนั้น “พล.อ.นคร สุขประเสริฐ กมธ. ปกครองท้องถิ่น”สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เล่าถึงเจตนารมณ์ที่สำคัญ คือจากกรณีที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 78 และ มาตรา 253 กำหนดบทบาทให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศ การจัดทำบริการสาธารณะ การตัดสินใจในกิจการที่มีผลกระทบต่อตนเองหรือชุมชม พร้อมเขียนล็อกให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องจัดกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการดำเนินงาน ทำให้ต้องปรับ “พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครฉบับปัจจุบัน” ให้สอดคล้อง
“เหตุผลสำคัญที่ต้องยกเลิก “สภาเขต” นั้น ด้วยเหตุผลคือผลงานของ สมาชิกสภาเขต หรือ สข. ที่ผ่านมาคือ การเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และใช้บทบาทเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตัวเอง มากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม หรือคุณภาพชีวิตที่ดีที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของฝ่ายการเมือง เช่น ทำหน้าที่เป็นหัวคะแนน หรือฐานพิทักษ์คะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น จึงขาดความเหมาะสมที่จะให้มีอยู่ต่อ อีกทั้งการมีอยู่ของ สข. นั้นยังสร้างปัญหาต่องานบริหารระดับเขต เดิมในหลักปฏิบัติ ผู้อำนวยการเขต จะถูกกำกับโดย ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ถูกตรวจสอบโดยสมาชิกสภากรุงเทพฯ และ สข. อีก ทำให้ขาดความเป็นอิสระในการทำงาน” พล.อ.นคร อธิบายเหตุผล
เมื่อตัด “สภาเขต” ออกแล้ว สิ่งที่ต้องมาสานต่อ โดยยึดการมีส่วนร่วมของประชาชน “พล.อ.นคร” บอกว่า กมธ.ปกครองท้องถิ่นออกแบบให้ตัวแทนของภาคประชาชน เข้ามาทดแทน และใช้ชื่อว่า“กรรมการประชาคมเขต” เพื่อหวังให้เป็นกลไกเชื่อมระหว่างภาคราชการ กับประชาชนในพื้นที่ และอาศัยที่มาลักษณะเดียวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คือ เลือกกันเองเพราะเชื่อว่าวิธีเลือกกันเองจากคนที่สมัครเข้าคัดเลือกจะทำให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติหลากหลายมาทำงาน เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของคนในพื้นที่ แม้วิธีนี้ จะถูกตั้งแง่เรื่องการฮั้วคะแนนเสียง หรือฝ่ายการเมืองส่งนอมินีเข้าสู่ระบบ แต่เชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ระบบทำงานที่ประชาชนในพื้นที่คอยตรวจสอบ คงไม่ง่ายที่จะแสวงประโยชน์เข้าตัวเอง โดยสังคมไม่ได้ประโยชน์อะไรเหมือนที่ผ่านมา
สำหรับที่มาของ “คณะกรรมการประชาคมเขต” ตามร่างกฎหมายระบุไว้ว่า ให้ ผู้อำนวยการเขต เป็นประธาน และมีกรรมการมาจากตัวแทนประชาชนที่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ ซึ่งแบ่งสัดส่วนมาจากกลุ่มอาชีพ, กลุ่มอาสาสมัคร และ กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิภาคประชาชน รวม 20 คน ให้มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี และห้ามเป็นเกิน 2 วาระติดต่อกัน
ในเรื่องนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนพบว่าประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกสข.ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วเปลี่ยนไปใช้การแต่งตั้งคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่าคณะกรรมการประชาคมเขตขึ้นมาทำหน้าที่แทน สข. โดยส่วนมากเห็นว่าควรจะมีการเลือกตั้งสข.ให้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนทำงานรับใช้ประชาชนในระดับท้องถิ่นที่เป็นหน่วยย่อยที่สุดของกรุงเทพมหานคร คือ เขตต่างๆ ทั้ง 50 เขตทั่วกรุงเทพฯต่อไป เพราะประชาชนพึงพอใจต่อการทำหน้าที่ของสข.ที่สามารถนำปัญหาความเดือดร้อนไปบอกกล่าวให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแก้ไข แม้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับเขตดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปปัญหาเหล่านี้ คือปัญหาที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติสุข การมี สข.จึงช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการของภาครัฐได้ระดับหนึ่งสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนระดับรากหญ้าได้เป็นอย่างดี
นายองอาจ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น สข.มีส่วนสำคัญในการให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ให้คำปรึกษาในการจัดทำแผนพัฒนาเขต การใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์ของประชาชนและชุมชน เนื่องจาก สข.ส่วนมากเป็นคนในพื้นที่ที่มีความผูกพันในพื้นที่ ขณะเดียวกันการเลือกตั้งสข.ทุกๆ 4 ปี ทำให้ประชาชนมีโอกาสพิจารณาว่าจะให้สข.แต่ละคนทำงานต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าใช้วิธีแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขต จะเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจตัดสินใจแต่งตั้งใครก็ได้ โดยประชาชนไม่มีอำนาจที่จะกำหนดผู้แทนในระดับท้องถิ่นของตนได้ประชาชนส่วนมากจึงไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก สข.จากการเลือกตั้งแล้วเปลี่ยนไปใช้วิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาคมเขตแทน ดังนั้นตนขอฝากให้ผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้องรับฟังเสียงอันแท้จริงของประชาชนด้วย
ก่อนหน้านี้ ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ได้ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้เอาไว้ว่า ในมุมมองของตนนั้น สข.ถือเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่เขตนั้นๆ ที่มีบทบาทในการช่วยเหลือดูแลประชาชน ซึ่งเป็นผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นตัวแทนที่ประชาชนตั้งใจเลือกเข้ามาเพื่อทำงานอย่างแท้จริงซึ่งในส่วนของการเลือกตั้งสข.ที่มีการระบุว่า มีประชาชนให้ความสนใจและเข้าถึงการเลือกตั้งน้อย ทำให้ตัวแทนสข.ที่ได้มานั้น อาจไม่เป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง ก็สามารถปรับแก้ได้ โดยการวางกรอบที่ชัดเจนว่าการเลือกตั้งจะต้องมีจำนวนประชาชนมาออกเสียงไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้นเพื่อให้เกิดความชอบธรรมเป็นเสียงของประชาชนที่แท้จริง ไม่ใช่มาจากคนบางกลุ่ม ส่วนกรณีที่สข.ปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขตอำนาจนั้น อาจต้องพัฒนาไปที่ระบบตรวจสอบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต สส. กทม. พรรคเพื่อไทยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ยกเลิก เพราะของเดิมดีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง และทำงานใกล้ชิดกับประชาชน อำนาจหน้าที่ของ สข. ก็เหมือนเป็นที่ปรึกษาของ ผอ.เขตเท่านั้นเอง ส่วนที่จะใช้สรรหาและแต่งตั้งจะยืนยันได้อย่างไรว่าบริสุทธิ์ ไม่เล่นพรรคพวก ตนสนับสนุนให้มี สข. อยู่ต่อไป ถ้าไม่ดีจริงเขาคงไม่เลือกมา
นายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภากรุงเทพมานคร(สภากทม.)เปิดเผยว่า สข.ถือเป็นตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นวิธีการคัดเลือกตัวแทนที่เหมาะสมมากที่สุด ซึ่งหากมีการยกเลิกสข.เพื่อจัดตั้งเป็นประชาชนเขตแทนนั้น ตนมองว่า ประชาคมเขต เกิดจากการคัดเลือกจากกลุ่มบุคคลเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งส่วนใหญ่จะคัดเลือกจากบุคคลผู้มีอำนาจ มีชื่อเสียงของเขตนั้นๆ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวอาจไม่สะท้อนต่อความต้องการ ปัญหาของชาวบ้านได้เท่ากับสข.ที่อยู่กระจายดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดมากยิ่งกว่า แต่หากสนช.ต้องการยกเลิกสข. ตนเห็นว่า อาจปรับแก้ฟื้นการให้สก. มีผู้ช่วยสก.ได้เช่นเดิม เพราะจะเป็นผู้ช่วยดูแลงานในระดับเขต และเข้าถึงชาวบ้านได้มากขึ้น
นายกิตพล เชิดชูกิจกุล อดีตประธานสภากทม. อดีตสก.เขตประเวศ กล่าวว่า สข.เป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามาและมีหน้าที่ช่วยดูแลทุกข์สุขของประชาชน และมีวาระการอยู่ชัดเจน 4 ปีถ้าไม่ทำงานเป็นที่พึ่งของชาวบ้านไม่ได้ เขาก็ไม่เลือก การมีสข.นั้นเป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นต่อประชาชนทั่วไปโดยตรง ไม่ใช่กล่าวแค่ว่าสข.ยึดโยงกับนักการเมืองเป็นการพูดด้านเดียว นอกจากนี้ตนมองว่าประชาคมเขตที่ตั้งขึ้นจะได้คนที่เข้าถึงประชาชนจริงๆ รู้ปัญหาได้จริงเหมือนกันตัวแทนที่ชาวบ้านเลือกมาเองหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ถ้าเรามองแค่ว่ามีฝ่ายข้าราชการประจำที่เป็นผู้อำนวยการเขต หรือเป็นเจ้าหน้าที่เขตทำงานดูแลประชาชนอยู่แล้วนั้น ข้าราชการเป็นผู้ที่มาจากการแต่งตั้งอยู่ไม่นานก็ไป แต่ถ้าเป็นสข.คือคนที่อยู่ที่นี่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งก็อยากให้บ้านที่ตนเองอยู่นั้นมีการพัฒนาหรือปัญหาที่เกิดขึ้นต่างๆ ได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ยกเลิกสข.
นายนิเวศ เมฆสุวรรณ อดีตประธานสภาเขตบางขุนเทียน กล่าวว่า ในความเห็นของตนนอกจากไม่ควรจะยกเลิกสข.แล้วคิดว่าควรจะเพิ่มจำนวนสก.และสข.ด้วยซ้ำ เพราะตัวแทนที่มาจากประชาชนจะทำให้ปัญหาต่างๆ ที่เขตดูแลได้ไม่เห็น ดูแลไม่ทั่วถึง มีคนที่จะสามารถแจ้งความเดือดร้อนต่างๆ ไปยังผู้เกี่ยวข้องให้ได้รับการแก้ไข ซึ่งการมีสข.เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับการกระจายอำนาจที่เป็นทิศทางของประเทศ ต้องฟังจากประชาชนมากๆ ไม่ใช่การสั่งจากข้างบนลงมาเท่านั้น อย่างในเขตบางขุนเทียน พื้นที่มีเป็น 100 ตร.กม. สก. 2 คนสข.8 คน ตนยังมองว่าไม่พอเลยด้วยซ้ำเพราะคนตัวเล็กตัวน้อยที่อยู่ในชุมชน ที่ยังเดือดร้อนมีอีกมากและเขาไม่กล้าที่จะเดินไปหาผอ.เขต หรือไปหาหัวหน้าฝ่าย ในความรู้สึกของชาวบ้านนั้น การพูดคุยกับทางราชการกับการพูดคุยกับตัวแทนชาวบ้านนั้นไม่เหมือนกัน
นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา อดีตประธานสภากทม. และอดีตสก.เขตบางรัก กล่าวว่า ตามหลักการแล้วผู้แทนท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง อย่างน้อยต้องให้ประชาชนเป็นผู้คัดเลือกจะดีกว่า ประชาชนเขาตัดสินใจได้ ต้องให้ประชาชนเป็นผู้คัดสรร ซึ่งกรณีนี้จะเป็นเรื่องคนใช้ไม่ได้เปลี่ยน คนเปลี่ยนไม่ได้ใช้ จึงต้องสอบถามประชาชนด้วย อย่างน้อยต้องทำการสำรวจความเห็นของประชาชนในเรื่องนี้ว่าประชาชนชอบแบบไหน เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงแสดงความคิดเห็น ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีคณะกรรมการประชาคมเขต จะเป็นคนของฝ่ายข้าราชการ คณะกรรมการประชาคมเขตจะลงพื้นที่หรือไม่ จะรับเรื่องจากประชาชนอย่างไร ถ้าเทียบจากผู้ที่มาจากการเลือกตั้งจะรับเรื่องได้จากประชาชนในทางตรง
วันที่ 19 กรกฎาคม 2561 (พรุ่งนี้) จะเป็นวันสุดท้ายของการ“รับฟังความคิดเห็น” ซึ่งมีช่องทางเดียวคือผ่านเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครอยากเชิญชวนประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันให้มากๆ ที่ลิ้งค์นี้ https ://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSf6AQCHpth2p4w0mfa0Jse4-ZzcTLWGKWQoeKp0ZZ1YkRNG1w/viewform
โดยที่เนื้อหาของกฎหมาย อ่านได้ที่เว็บไซต์ของกรุงเทพมหานคร(เว็บไซต์เดียวกัน)
อย่าให้โอกาสในการ “เลือกตัวแทนด้วยตัวท่านเอง” หลุดลอยไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี