มาแปลกสำหรับข้อมูลผลการสำรวจของ “นิด้าโพล” ครั้งล่าสุดในวันที่ 17-19 กรกฎาคม ที่ผ่านมาที่ระบุในเรื่องประชาชนคนไทยอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 25 ในปีหน้า 2562 ผลการสำรวจคะแนนนิยม 10 อันดับแรกปรากฏว่าคนหน้าเดิมก็คือ “บิ๊กตู่” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ยังมีคะแนนนำจากประชาชนร้อยละ 31.26 ยังอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี
รองลงมาก็มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยซึ่งยังไม่ได้เป็นนะตอนนี้เพราะเจ้าของพรรคเขายังไม่ยกให้นะมาที่ 2 ในอัตราร้อยละ 14.96 มาที่ 3 คืออาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ในอัตราร้อยละ 10.50 อันดับที่ 4 พลตำรวจเอกเสรี เตมียเวส ในชื่อใหม่คือเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในอัตราร้อยละ 7.80 อันดับที่ 5 มหาเศรษฐีที่ชื่อว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่คือพรรคอนาคตใหม่ร้อยละ 7.48
อันดับ 6 พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ มหาเศรษฐีจากอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทองรักษาการหัวหน้าพรรคเพี่อไทยร้อยละ 6.28 อันดับ 7 นายหัวชวน หลีกภัย คนเมืองตรังอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัยร้อยละ 3.90 อันดับที่ 8
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีหลายรัฐบาลร้อยละ 2.55 อันดับที่ 9 ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีร้อยละ 0.64 และอันดับ 10 นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปร้อยละ 0.48
ส่วนผลการสำรวจพรรคการเมืองสไตล์คนไทยที่ต้องการให้จัดตั้งรัฐบาลนั้นปรากฏว่าพรรคเพื่อทักษิณหรือพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่คนไทยชอบมากที่สุดทั้งๆ ที่เป็นพรรคการเมืองที่มีข้อมูลด้านการทุจริตมากที่สุดแต่คนไทยชอบนะเออเอาละซี่ตั้งร้อยละ 31.19 สำรวจลึกๆ มาจากคนไทยที่เป็นคนเหนือและคนอีสานที่ชอบเพราะมันเชื่อมโยงไปกับนายหน้าเหลี่ยมทักษิณนั่นแหละ
พรรคการเมืองที่ชอบรองลงมาคือพรรคพลังประชารัฐร้อยละ 21.88 เป็นพรรคที่หนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่ามีภาษี พรรคที่สามคือพรรคประชาธิปัตย์ประชาชนชอบร้อยละ 16.47 เป็นพรรคที่ชอบอาจารย์อภิสิทธิ์และนายหัวชวน พรรคที่สี่คือพรรคอนาคตใหม่ร้อยละ 9.63 และพรรคที่สี่คือพรรคเสรีรวมไทยร้อยละ 2.07
ปัญหาที่ประชาชนต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาแก้ไขมากที่สุด 5 อันดับ แรกประกอบด้วยปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชนร้อยละ 37.39 ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำร้อยละ 27.61 ปัญหาการทุจริตและผู้ที่มีอิทธิพลร้อยละ 12.17 ปัญหาควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพร้อยละ 8.12 และปัญหาอาชญากรรมกับยาเสพติดร้อยละ 4.85
อีกเรื่องหนึ่งที่ประชาชนคนไทยให้ความสนใจคือครม.สัญจรในสายตาประชาชน ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตสำรวจมาในนามสวนดุสิตโพล โพลนี้เป็นที่ทราบกันว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับพรรคเพื่อทักษิณมากกว่าทุกพรรคการสำรวจความเห็นในการประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดอุบลราชธานีและอำนาจเจริญในวันที่ 23–24 กรกฎาคมนั้นประชาชนส่วนมากร้อยละ 50.22 อยากให้มีครม.สัญจรมากเพราะนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสไปพบประชาชนอย่างใกล้ชิดเป็นการไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชานอย่างแท้จริง
อาจจะมีนัยทางการเมืองเกี่ยวกับการหาเสียงหรือว่าดูด สส.ตามข่าวร้อยละ 33.38 ไม่อยากมีความเห็นขัดแย้งหรือว่าหาประโยชน์จากเรื่องนี้ร้อยละ 26.74 อยากให้มีการลงไปในพื้นที่ร้อยละ 21.12 เป็นเรื่องปกติทางด้านการเมืองเพราะทำมานานแล้วร้อยละ 14.62 ผลดีที่จะได้จากครม.สัญจร ได้รับฟังปัญหาจากคนในพื้นที่จริงร้อยละ 68.14 ประชาชนได้พูดคุยพบนายกรัฐมนตรีร้อยละ 39.26 ประชาชนได้ประโยชน์จากงบประมาณร้อยละ 25.54 และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชนร้อยละ 19.69
ส่วนการที่บอกว่าการประชุม ครม.สัญจรเป็นการดูด สส.นั้นประชาชนร้อยละ 47.70 ไม่แน่ใจ ที่เห็นด้วยว่าเป็นการไปดูด สส.ร้อยละ 31.01 และไม่เห็นด้วยร้อยละ 21.29 ส่วนการที่อดีตสส.จะมาพบนายกรัฐมนตรีนั้นที่บอกว่าไม่ควรมาพบร้อยละ 52.01 และที่บอกว่า สส.ควรจะมาพบนายกรัฐมนตรีก็ได้ไม่เห็นว่าผิดปกติร้อยละ 47.99 ดูแล้วใกล้เคียงกันมากๆ
ผลของโพลล์นั้นเป็นการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างอาจจะจริงไม่จริงก็แล้วแต่พอสรุปได้ว่า ประชาชนรับได้และอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปสักระยะบริบททางการเมืองหากนายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์อาจจะมีผลให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าดีกว่าคนอื่นก็เป็นไปได้อย่างไรก็ดีกว่าจะให้คนชื่อทักษิณแหละครับ
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี