l นักการเมืองของประชาชนต้องเอาประชาชนและประเทศชาติมาก่อน และทำภารกิจสำคัญนี้ให้บรรลุนักการเมืองที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ หายากมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยมีอยู่ไม่มากและไม่สมบูรณ์
เหตุเพราะ : สังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์พึ่งพาผู้มีอำนาจ เป็นสังคมที่ไม่ใช้ความรู้สติปัญญาความจริงนำ ไม่สนับสนุนไม่เชิดชู : คนดีมีคุณธรรม คนมีอุดมคติ ที่คิดและทำเพื่อส่วนรวมสังคมไทย ไม่ได้ส่งเสริมคนดี ไม่ได้ร่วมกันสร้างประชาชนที่มีคุณภาพ พึ่งตนเอง เป็นอิสระเป็นไทแห่งตนระบบการเมืองการบริหารประเทศมีข้ออ่อนบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ “ในเรื่องของประชาธิปไตยที่แท้จริง” เพราะไปนำเข้า “ความคิดประชาธิปไตยแบบตะวันตก”(หลัก) และความคิดเสรีนิยม สังคมนิยมฯ ที่ไม่ประยุกต์หรือมีการทำรัฐประหารโดยผู้นำกองทัพ ที่ขาดความคิดสร้างสรรค์ฯ ในการพัฒนาประชาชนประเทศและพรรคการเมืองที่ผ่านมาและมีอยู่ มักเป็นพรรคแบบผู้นำมีเจ้าของและกรรมการบริหารมีสิทธิมากกว่าสมาชิกอีกทั้งแทบจะไม่มีหรือมีแต่ไม่ครบถ้วน ในเรื่องพรรคการเมืองของประชาชน เพราะพรรคการเมืองของประชาชน จะมีส่วนในการสร้างและสนับสนุนนักการเมืองที่ดีมีอุดมคติ ฯลฯ
l จึงเป็นความยากที่จะเขียนหลักการ แนวทาง การสร้างหรือการเป็น “นักการเมืองที่ดีของประชาชน” เพราะแบบอย่างในต่างประเทศก็มีสภาพแตกต่าง และในประเทศ นักวิชาการก็เขียนจากความรู้ มิใช่การปฏิบัติ แต่เมื่อมีความจำเป็นจะต้องเขียน เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง จึงต้องอาศัยประสบการณ์จากการปฏิบัติด้วยตนเอง และสรุปบทเรียนของนักการเมืองพรรคการเมืองที่ผ่านมา
l โดยตั้งคำถามขึ้นมาให้เกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับ “นักการเมืองของประชาชน” แล้วตอบคำถามเหล่านี้
1.นักการเมืองของประชาชน มีหน้าที่หลักอะไร และมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่นี้
1) ประเทศนี้ เขากำหนดให้ การแก้ปัญหาหรือวิกฤติของประเทศ เป็นหน้าที่หลักของพรรคการเมือง ???
ฉะนั้น นักการเมือง และพรรคการเมือง จึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง
2) หน้าที่หลัก คือ “การแก้ทุกข์ เพิ่มสุข” ให้ประชาชนอย่างเสมอภาค สร้างประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
3) ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะคนส่วนน้อยมีอำนาจเอาเปรียบ และคนส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพ ปล่อยให้เอาเปรียบต้องขอย้ำว่า : ประชาชน ทั้งระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง ขาดคุณภาพ ที่จะแก้ปัญหาของส่วนรวมวาทกรรม “เรื่องชนชั้น คนรวยไม่ดี คนจนดี” ซึ่งดูเหมือนจะดี แต่ความจริง ผิดพลาด เพราะไม่ถูกต้อง
4) ทุกข์เกิดจาก : ปัจจัยที่สำคัญหลักๆ ดังนี้
4.1) กติกาสูงสุด คือ รัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ
4.2) โครงสร้างระบบการเมือง เศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม และยุติธรรม มีปัญหา ต้องปฏิรูปใหญ่
4.3) สถาบันไม่ได้ทำหน้าที่ที่ดี คือ พรรคการเมือง ข้าราชการ กองทัพ กระบวนการยุติธรรม กลุ่มทุน นักวิชาการ (มหาวิทยาลัยสถาบันการศึกษา) ศาสนา วัดฯ ภาคประชาสังคม กลุ่มสิทธิ ฯลฯ และสื่อเฉพาะ “พรรคการเมือง” เป็นพรรคของชนชั้นนำที่รักษาสถานภาพของตน ขาดพรรคของประชาชน
4.4) คนดีคนกล้ามีน้อย คนไม่ดี กล้าทำสิ่งผิด เพราะไม่ถูกลงโทษหรือลงโทษน้อยกว่าสิ่งที่ได้ไปชนชั้นนำในสังคม รับผิดชอบต่อบ้านเมืองและความเป็นธรรมน้อย นักการเมืองไม่ดี มีบทบาทสูงฯ
4.5) ประชาชนตกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ พึ่งพาคนมีอำนาจ เอาเปรียบกันเอง คือ ขาดคุณภาพฯ
4.6) ปัจเจก คือ คนแต่ละคน ไม่เริ่มที่ตนเอง แต่มักชี้นิ้วกล่าวหาและโทษคนอื่น
2.นักการเมืองของประชาชน จะแก้ทุกข์ เพิ่มสุข ได้อย่างไร?
1)ต้องแก้ปัญหา ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ (ดังที่ได้กล่าวไปในข้อ 1)
2)หลักการ คือ
(1) “แก้ที่ตัวเอง : พร้อมๆ กับการแก้ที่คนอื่น บุคคล สถาบัน ระบบ กติกา “ที่ยังไม่เป็นธรรม
(2) แก้ที่ตนเองได้ : ต้องใช้ ความรู้ สติปัญญา ความจริง ความมุ่งมั่น วิริยะ อุตสาหะฯ
“มีความเป็นปัญญาชน”,
แนวคิดเกี่ยวกับปัญญาชน(ของกรัมชี่) แบ่งเป็น 2 ประเภท
-ปัญญาชนแบบจารีต(Traditional intellectuals) ได้แก่ พวกนักบวช ผู้ทรงคุณความรู้ นักประพันธ์ นักปรัชญา ศิลปิน
-organic intellectual (ปัญญาชนของชนชั้น) สัมพันธ์กับ การผลิตของชนชั้น หรือผู้ผลิตฯ
ลักษณะปัญญาชน (หนังสือ “วัฒนธรรมและปัญญาชน” โดย Dr. Vitaly Tepikin )
-มีความคิดทางศีลธรรมที่ก้าวไกล มีความเข้าใจต่อชีวิต และเข้าร่วมการชุมนุมอย่างสม่ำเสมอ
-ศึกษาด้วยตัวเองอยู่ตลอด
-มีความรักชาติ บนฐานของความเชื่อในคนของตนเองและรักแผ่นดินบ้านเกิดอย่างเต็มหัวใจ
-มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เป็นส่วนหนึ่งในวิธีการใช้ชีวิตของปัญญาชน
มีความเป็นอิสระ ความทะเยอทะยานสู่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและค้นหาตัวเอง
(3) ต้องเข้าใจคนอื่น สถาบัน ระบบ กติกา สังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีไทย มากขึ้นเพราะเราเป็นสัตว์สังคม ที่จะอยู่ได้ ต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันคนอื่นและสังคมเราดี แต่คนอื่นและสังคมไม่ดี : เรา และลูกหลานจะอยู่ดีได้ไม่คงทน และจะมีทุกข์ในระยะยาวเราดี คนอื่นและสังคมดี : จะทำให้เราอยู่ดี มีสุขได้ อย่างยั่งยืน “สังคมไม่ดี ทำให้คน กลายเป็นผี แต่สังคมดี ทำให้ ผีกลายเป็นคน” คำโบราณนี้ถูกต้อง เป็นจริง
(4) คนเดียวไม่มีพลังมากพอที่จะไปสู้กับ “คนสถาบันระบบโครงสร้าง ฯลฯ ที่มีพลังมีอำนาจ”
(5) ต้องอาศัย 1) “mass organization องค์กรมวลชน” ที่มีการจัดตั้ง มีระเบียบวินัย มีกลไกที่ใหญ่พอ
การจัดกลุ่มทางสังคม ไม่จำกัดในอุดมการณ์ทางการเมืองหรือศาสนา แต่เปิดกว้างสำหรับทุกคน
2) องค์การพรรค (Party Organization) คือ พรรคการเมือง
3) องค์การแห่งรัฐ (State Organization) ยกตัวอย่างของประเทศจีน
1. สภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ
2. คณะรัฐมนตรี
3. สภาผู้แทนประชาชน และคณะกรรมการปฏิวัติระดับต่างๆ ในส่วนภูมิภาค
4. องค์การปกครองตนเองแห่งภูมิภาคปกครองตนเองของชนชาติ
5. องค์การตุลาการ และองค์การอัยการ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี