การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำการปฏิวัติตั้งตัวเป็นองค์อธิปัตย์ขับไล่รัฐบาลฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือคอร์รัปชั่น และดำเนินการปกครองประเทศในระบอบเผด็จการมากกว่า 4 ปี ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง พ.ศ. 2560 และกำลังจะผ่อนคลายอำนาจเผด็จการไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยฟันปลอม
สิ่งที่คณะปฏิวัติประสบความสำเร็จที่เป็นที่เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ คือ ยุติความเป็นรัฐที่ล้มเหลวได้สำเร็จ เป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเฉพาะหน้า ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้นแม้จะออกกฎกติกาทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมแต่ทำได้แต่เพียงยาแดงทาแผล คือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจผลที่ติดตามมา คือ เกิดสภาวะที่เรียกว่า “รวยกระจุกแต่จนกระจาย” เพราะนโยบายการแจกเงินคนจนไม่เป็นไปตามทฤษฎีที่เรียกว่า การกระจายความมั่งคั่ง (Distribution of wealth)
ทฤษฎีดังกล่าวที่เปรียบไว้ คือ ให้เบ็ดและเหยื่อไปตกปลามิใช่ให้ปลา ดังที่รัฐบาลแจกเงินไปให้คนจนไปซื้อสินค้า เงินจะกลับไปสู่ผู้ผลิตสินค้าในที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลจะใช้หลักการสิ่งที่ทำในรูปที่เรียกรัฐสวัสดิการ ด้วยการกระจายความมั่งคั่งนั้นที่ปฏิบัติกันในรูปสวัสดิการก็ต่อเมื่อรัฐบาลซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคจากผู้ผลิตโดยตรง โดยให้ราคาตามต้นทุนที่ผลิตบอกกับกำไรเล็กน้อยนำมาเครื่องหมายการค้าของรัฐบาลเอง แล้วนำไปแล้วขายให้ประชาชนที่ยากจนที่ขึ้นทะเบียนไว้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ส่วนมาตรการที่รัฐบาลปฏิวัติทำอยู่คือนโยบายประชารัฐอื่นๆ ก็ไม่แตกต่างกว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลที่คณะปฏิวัติขับไล่ออกไป
นอกจากนี้ นโยบายที่จะปฏิรูประบบราชการ เช่น ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม ปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่เกิดขึ้นในหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการแก้ไขปัญหาจนเป็นเรื่องอื้อฉาวรวมกันหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาเยาวชนโดยตรงก็เช่นกันซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ควรจะเป็นต้นแบบในการปฏิรูปสังคมกลับตรงกันข้าม
บัดนี้ใกล้เวลาที่รัฐบาลคณะปฏิวัติจะคืนอำนาจให้กับประชาชนบางส่วนดังปรากฏในรัฐธรรมนูญแต่กลับปรากฏเรื่องที่มีการกล่าวหาว่า มีกลุ่มคนบางคนที่ใกล้ชิดกับคณะปฏิวัติกำลังดำเนินการชักชวนให้นักการเมืองอาชีพซึ่งบางคนอยู่ในกลุ่มผู้มีอำนาจที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิวัติ คือ การฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่บัดนี้กลับถูกชักชวนให้มารวมกลุ่มกับผู้มีอำนาจในปัจจุบันในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีก
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้นประชาชนที่เคยสนับสนุนการปฏิวัติ ซึ่งนำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดความไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับอนาคตของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของ คณะปฏิวัติ โดยเฉพาะตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ซึ่งเป็นขวัญใจของประชาชนยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในบทบาททางการเมืองในบรรยากาศการเมืองที่กำลังจะเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่านอย่างไร เพราะพฤติกรรมของท่านดูเหมือนจะนำตัวเข้าสู่โหมดการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ก็ยังไม่กระจ่างชัด
ฉะนั้นประชาชนใคร่จะทราบจากปากท่านเองว่า ท่านจะกำหนดบทบาทของตัวท่านอย่างไร เพราะเวลาการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ใกล้เข้ามาตามที่ท่านได้กล่าวต่อประชาชนไว้ประชาชนจะได้ตัดสินใจเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองที่อ้างว่าสนับสนุนท่านมีความเป็นจริงเพียงใดและ
ตัวท่านเองจะวางตัวอย่างไรกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตยฟันปลอมที่จะปกครองประเทศในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี