รัฐบาล โดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ถูกจับตามองและตั้งข้อสงสัยมาตลอดว่า “ไม่ได้จริงจังต่อการจัดการกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
1) เริ่มจากปล่อยให้หนีออกนอกประเทศไปได้ ทั้งๆ ที่หูตาของรัฐบาล ทหาร และคสช. มีอยู่ทั่วแผ่นดิน แต่ตลอดเวลา ติดตามความเคลื่อนไหวของนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่โดยตลอด แต่พอศาลนัดฟังคำพิพากษา ยิ่งลักษณ์กลับหนีออกนอกประเทศได้โดยใช้ “ช่องทางธรรมชาติ”
2) ช่องทางธรรมชาติที่ว่า ก็ไม่ใช่ช่องทางธรรมชาติลึกลับซับซ้อนชนิดต้องบุกป่าฝ่าดง ข้ามแม่น้ำลำคลอง ข้ามภูเขาใดๆ เลย เดินจากฝั่งไทย ไปขึ้นรถฝั่งกัมพูชาได้ง่ายๆ แล้วไปขึ้นเครื่องบิน บินปร๋อจากไป
3) ว่ากันตามตรง พล.อ.ประยุทธ์ กองทัพไทย และฝ่ายความมั่นคง มีความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชามาก ถึงขั้นนำตัวนายวีระ สมความคิด ออกจากคุกกัมพูชาได้ ด้วยความสัมพันธ์อันดีนี้ ไยปล่อยให้ยิ่งลักษณ์ใช้กัมพูชาเป็นเส้นทางหลบหนีอย่างสะดวกง่ายดาย ไม่มีกลิ่น ไม่มีเบาะแสเลยหรือ
4) ยิ่งลักษณ์หนีไปยังไม่พอ ตำรวจที่ขับรถไปส่ง ถูกตรวจสอบ เป็นข่าวใหญ่ แต่สุดท้าย ปล่อยให้ตำรวจนายนี้หนีไปได้อีกคน (ประเทศนี้มันหนีกันง่ายจริงๆ) ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้อง เรื่องการนำรถไปเปลี่ยนทะเบียนและอื่นๆ ทำท่าเหมือนจะถูกดำเนินคดี แต่บัดนี้ มีใครทราบความคืบหน้าบ้างว่าเรื่องไปถึงไหน
5) จากนั้นมา กระบวนการตามหาว่านางสาวยิ่งลักษณ์หนีไปที่ไหนก็คลุมเครือ ตรวจสอบไม่ได้ ว่าปลายทางของเธออยู่ที่ไหน ที่หลบซ่อนพำนักอยู่ในประเทศใด จนมีข่าวว่าอยู่ดูไบ รัฐมนตรีต่างประเทศปฏิเสธ ก่อนจะมายอมรับในภายหลังว่ารู้ก่อนแล้ว จนเข้ามาปรากฏตัวในอังกฤษ
6) เอกสารการขอความร่วมมือกับนานาชาติในการติดตามตัวและจับตัว สำเร็จช้ามาก กว่าจะแปล กว่าจะส่ง กว่าจะประสานงาน เสมือนรอให้ฝ่ายยิ่งลักษณ์ดำเนินการทางเอกสารของตัวเองให้เสร็จก่อน จนเข้านอกออกในสหราชอาณาจักรได้อย่างสะดวกและเปิดเผย ชนิดสารวัตรหนุ่ย อดีตนายตำรวจติดตามก็ตามไปถือถุงช็อปปิ้งให้อย่างหน้าชื่น
7) สารวัตรหนุ่ยกลับมา กระบวนการตั้งกรรมการสอบ พิจารณาความผิด ก็เดินเตาะแตะๆ จนบัดนี้ยังไม่ได้คำตอบว่าผิดหรือไม่ผิด ถ้าผิดมีบทลงโทษสถานใด
8) ล่าสุด สำนักข่าวบีบีซีไทยรายงานว่า รัฐบาลไทยยื่นคำร้องต่อรัฐบาลอังกฤษเพื่อขอให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร ได้ส่งจดหมายลงวันที่ 5 ก.ค.2561 ถึงกระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักร เพื่อร้องขอต่อทางการของอังกฤษให้ส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาประเทศไทย โดยอ้างอิงถึงสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยาม ค.ศ.1911 ที่ว่าด้วยการส่งตัวผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ เพื่อร้องขอให้ส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่เป็นบุคคลมีสัญชาติไทยและเชื่อว่าพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร กลับไปรับโทษในไทย อีกทั้งยังนำบทสรุปข้อเท็จจริงของคดี รวมทั้งสำเนาคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง และหมายจับแนบไปกับเอกสารคำร้องนี้ด้วย
9) โดยสาระสำคัญในจดหมายดังกล่าวระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการนำตัวมารับโทษจำคุก 5 ปี ภายหลังคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาว่าเธอมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ด้วยเหตุนี้ ศาลฎีกาฯจึงออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 เพื่อนำตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์มารับโทษ หากรัฐบาลสหราชอาณาจักรเห็นว่าความผิดที่กล่าวถึงข้างต้นไม่อยู่ในบัญชีการกระทำความผิดของบุคคลอันเป็นการให้ส่งตัวให้ประเทศต้นทางดำเนินคดีได้ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 2 วรรค 1 ของสนธิสัญญาดังกล่าว รัฐบาลไทยจึงร้องขอมาด้วยความเคารพให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณาความผิดข้ออื่นๆ ที่ระบุไว้ ในวรรคสุดท้ายของมาตรา 2 ที่ระบุว่า“การส่งตัวกลับอาจกระทำได้ภายใต้ความเห็นชอบของประเทศนั้น หากการกระทำความผิดทางอาญานั้น เป็นความผิดภายใต้กฎหมายของทั้งสองประเทศคู่สัญญา”
ในกรณีนี้รัฐบาลไทยขอให้คำมั่นว่าจะร่วมมือและตอบแทนอย่างเต็มที่หากได้รับการร้องขอทำนองเดียวกันจากรัฐบาลอังกฤษ สำหรับคำร้องนี้ไม่เกี่ยวพันกับการสอบสวน ดำเนินคดี หรือ การลงโทษบุคคลที่กระทำความผิดเกี่ยวกับทางการเมืองหรือการทหาร นอกจากนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้รับการอภัยโทษหรือนิรโทษ อีกทั้งหมายจับนี้ไม่มีวันหมดอายุ สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ อยากขอความกรุณาจากท่านให้เก็บคำร้องนี้ไว้เป็นข่าวลับและรีบดำเนินการต่อคำร้องนี้อย่างเร่งด่วน
10) ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการขอให้ทางการอังกฤษส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักรและสยาม ปี 1911 ที่ว่าด้วยการส่งตัวอาชญากรผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ ว่า เป็นทำตามขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงต่างประเทศที่มีหน้าที่ดำเนินการขอส่งตัวอยู่แล้ว ทั้งนี้แม้จะมีการพบเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ใดนั้น แต่เราไม่สามารถไปจับกุมใครที่ต่างประเทศด้วยตนเองได้ จึงเป็นเรื่องของประเทศนั้นๆ ที่จะดำเนินการจับตัวส่งกลับมายังไทย ดังนั้นหากยังไม่มีการตอบเอกสารกลับมาอย่างเป็นทางการ ก็ไม่สามารถจับกุมได้ ซึ่งการที่รัฐบาลทำครบขั้นตอนและหลักเกณฑ์ทางกฎหมายแล้ว จะได้ตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ ก็เป็นเรื่องการพิจารณาและตัดสินใจของต่างประเทศ เช่นเดียวกับที่ไทยมีกฎหมายของเราเอง ใครประสานขอตัวมาก็เป็นการพิจารณาของเราว่าจะส่งหรือไม่ส่งกลับ ซึ่งมีอยู่หลายคดีที่เรากำลังดำเนินคดีอยู่ในประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันตนเองไม่จำเป็นต้องหารือกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพราะเป็นเรื่องกลไกของรัฐที่ต้องดำเนินการในหลายช่องทางอยู่แล้ว
11) ส่วน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการดำเนินการตามขั้นตอน ขณะนี้ตนได้ทราบเพียงสิ่งที่ปรากฏอยู่ในข่าว และจำไม่ได้ว่าเคยมีการส่งเรื่องดังกล่าวผ่านมาให้ตนพิจารณาแล้วหรือไม่ ตนจึงจะขอไปสอบถามผู้ที่รู้เรื่องนี้ก่อน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมารายงานให้รมว.ต่างประเทศทราบก็ได้ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปตามขั้นตอนปกติ ไม่ใช่เรื่องระดับนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่นายกรัฐมนตรีของไทยกับอังกฤษพบปะกันที่กรุงลอนดอน หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน เมื่อถามว่าการส่งคำร้องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตนได้ทราบว่าเป็นไปตามขั้นตอนที่เริ่มมาจากตำรวจส่งต่อไปให้อัยการ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าทางการอังกฤษจะส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์มาให้ตามที่ร้องขอไปในครั้งนี้ นายดอนยิ้ม แต่ไม่ตอบใดๆ ก่อนที่จะขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในทันที
12) พูดกันตรงๆ เลยนะครับ ผมไม่หวังเลยว่า จะมีความร่วมมือจับตัวยิ่งลักษณ์ส่งมาให้ หรือจะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจังและใส่ใจ แต่อย่างน้อยกระบวนการที่ควรเริ่ม ก็ได้เริ่มเสียที
13) แต่เรื่องที่ต้องพูดกันให้มาก ถามกันให้ชัดก็คือ เรื่องที่อยู่ “ในอำนาจ” ของรัฐบาลนี้ นั่นคือการ “ยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์” ตามที่ได้มีการออกคำสั่งตามกฎหมายที่เรียกว่า “ความรับผิดทางละเมิด” สั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย จากการปล่อยปละละเลยในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว จนเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ตัดสินแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิด มีโทษจำคุก แต่หนีไปก่อน และไม่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์ จนคดีสิ้นสุดโดยสมบูรณ์แล้วนั้น กระบวนการทางการยึดทรัพย์ซึ่งอันที่จริงไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาโดยตรง-รออะไร?
ก่อนออกคำสั่งเรียกร้องให้เธอชดใช้ค่าเสียหายนั้น ให้สัมภาษณ์ห้าวหาญกันทุกวันทุกคน ว่าความเสียหายนี้ ประเทศชาติต้องได้คืน ครั้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทำงานเสร็จ คณะกรรมการกำหนดตัวเลขความเสียหายทำงานจบ คำสั่งให้ชดใช้ลงนามโดยผู้มีหน้าที่แล้ว
กระบวนการยึดทรัพย์รออะไร?
ยิ่งลักษณ์ให้ทนายยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ขอความคุ้มครองไม่ให้ถูกยึดอายัดทรัพย์ ศาลยกคำร้องทั้งสองครั้ง คำถามตัวโตๆ คือ พล.อ.ประยุทธ์ รออะไร?
การยึดทรัพย์คืบหน้าหรือไม่ เพียงใด โปรดรายงานต่อประชาชนทันที
นี่เป็นอำนาจตามกฎหมายไทย ไม่ต้องรอใคร ได้ทำอย่างจริงจังหรือไม่ ถ้าไม่ ทำไมจึงไม่ทำให้จริงจัง
จงช่วยกันถาม และรอฟังคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กันนะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี