ยิ่งใกล้วันเวลากำหนดปลดล็อกการเมืองเข้ามาเท่าใด บรรยากาศที่เต็มไปด้วยการกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีก็แผ่ปกคลุมประเทศไทยมากขึ้นโดยลำดับ จนบางครั้งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าหมดหวังกับการเมืองของประเทศ
เพราะสภาพเช่นนี้ที่ไหนเลย จะเป็นหนทางแห่งการได้มาซึ่งรัฐบาลของประชาชนที่ปรีชาสามารถ และทำการทั้งหลายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้อย่างแท้จริง
แทบทุกวันตามหน้าสื่อมวลชนหลากหลายชนิด ปรากฏเงาร่างและเสียงหวาดหวิวของคมกระบี่ทางการเมือง ที่มีลักษณะโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก มิหนำซ้ำยังมีร่องรอยการใช้อาวุธลับของเหล่ามาร ล้างผลาญกันไม่หยุดหย่อน ประหนึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่อาจร่วมชาติกันได้อีกต่อไป
และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทันทีที่มีการปลดล็อกทางการเมือง การทำลายล้างกันก็จะโหมกระหน่ำต่อกันอย่างดุเดือด โดยผู้นำรัฐบาลและผู้สนับสนุนพรรครัฐบาลปัจจุบันจะมีสภาพเป็นหมู่บ้านกระสุนตก
ทั้งการทำลายภาพลักษณ์ชื่อเสียงเกียรติภูมิ ทั้งการทำลายล้างกันในทางกฎหมายนานาประการ จะมีการงัดเอามากระหนำกันให้แหลกลาญกันไปเป็นข้างๆ
ก็เตรียมอกเตรียมใจติดตามสถานการณ์กันได้ และคงจะตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าการชมฟุตบอลโลกหลายเท่านัก
การส่งสัญญาณจากพวกขรัวนักกฎหมายก็พออนุมาณได้ว่า บรรดาค่ายกลต่างๆ ทางกฎหมายที่สร้างไว้อย่างแยบยลจากผลงาน 4 ปี ที่ต้องใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชนหลายหมื่นล้านบาททำถ้าจะเสียของเสียเปล่า เพราะค่ายกลนั้นทำท่าว่าจะเป็นค่ายกลที่ทำให้คนตั้งค่ายกลตกอยู่ในบ่วงกลเสียเอง
ไม่เห็นหรือว่าถึงวันนี้แล้ว ยังมีคนจำนวนมากสังหรณ์ใจว่าจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปจริงหรือ
เสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยดังสนั่นอยู่เหมือนเดิม เพราะยิ่งใกล้กำหนดโฉมหน้าที่ปรากฏเป็นส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นความเสื่อม หรือความอุบาทว์จัญไรที่ทำลายคนไทยและประเทศชาติมานานแล้วทั้งนั้น
เพราะสถานการณ์มาถึงวันนี้ การเมืองไทยที่เป็น 3 ก๊ก 3 ขั้ว คือ ก๊กเพื่อไทย ก๊กประชาธิปัตย์ และก๊กสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังตั้งท่าตั้งหลักเป็น 3 ก๊ก อยู่เหมือนเดิม และเงื้อมเงาอำมหิตที่จะล้างผลาญกันก็หนักหน่วงยิ่งนักจนเหลือผู้คนน้อยตัวนักที่จะสามารถประสาน 3 ขั้ว 3 ก๊ก นี้ได้
มาถึงเวลานี้กี่โพลล์ๆ ก็มีลักษณะเป็นอย่างเดียวกัน คือ ก๊กเพื่อไทยจะได้ สส.ราว 200 คน ก๊กสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้ สส. อย่างมากที่สุดก็ไม่เกิน 200 คน ส่วนก๊กประชาธิปัตย์ถึงจะได้เกิน 100 คน ก็ไม่มาก
รวมความก็คือ จะไม่มีก๊กไหนได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินครึ่งหนึ่ง ส่วนค่ายกลที่หวังจะอาศัยประธานสภาคอยเอื้อเฟื้อเกื้อกูลทำนองเพลงที่พลิกพลิ้ว พิสดารด้วยอภินิหารทางกฎหมาย ถึงวันนี้ก็คงเอาตีนก่ายหน้าผากกันแล้วว่าใช้ไม่ได้
เพราะในการเลือกประธานผู้แทนราษฎรนั้น บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้วุฒิสมาชิกมาร่วมลงคะแนนด้วย ก็จึงต้องเป็นการลงคะแนนระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงส่อแนวโน้มว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรอาจจะมาจากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์
และประธานสภาผู้แทนราษฎรนี้แหละ ที่จะเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี