ประเทศจีนได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมอย่างคึกคักครึกโครม และมีประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีพื้นที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลก หรือมีพื้นที่ใกล้กับแผ่นดินใหญ่ของโลกได้เข้าร่วมอย่างคึกคัก จนกระทั่งบรรยากาศการพัฒนาของโลกปกคลุมไปด้วยยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม
หลักยุทธศาสตร์นี้เนื้อแท้ก็คือ การสร้างสันติภาพและการพัฒนา เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของบรรดาประเทศทั้งหลายที่เข้าร่วมซึ่งแต่ละประเทศมีเอกสิทธิ์ในการตัดสินใจ และในการเลือกเข้าร่วมโครงการต่างๆ บนพื้นฐานผลประโยชน์ของตน
กระแสสันติภาพและการพัฒนากระพือโหมขึ้นในโลกมากขึ้นเท่าใด ก็ยันและกลบกระแสความขัดแย้งและสงครามซึ่งถูกจัดวางและขับเคลื่อนมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มากขึ้นเท่านั้น และกลายเป็นกระแสความขัดแย้งของโลก
ในท่ามกลางการปะทะกันของกระแสสันติภาพและการพัฒนา กับกระแสความขัดแย้งและสงคราม การต่อสู้กันในปริมณฑลต่างๆ และในมิติต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้น แต่ทว่าโลกมนุษย์ของเรานี้มีพื้นฐานอยู่กับสันติภาพและการพัฒนา มีเพียงห้วงเวลาสั้นๆ ที่กระแสความขัดแย้งและสงครามปกคลุมโลก
ดังนั้น การปะทะกันระหว่างกระแสโลกครั้นผ่านไประยะเวลาหนึ่ง กระแสความขัดแย้งและสงครามก็ค่อยๆหมดความชอบธรรมลง และอ่อนแอลง รวมทั้งมีขนาดลดลง ในขณะที่กระแสสันติภาพและการพัฒนาขยายตัวมากขึ้น มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น มีความเข้มแข็งมากขึ้น
เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าโลกมนุษย์ของเรานี้ มีธาตุแท้หลักคือสันติภาพและการพัฒนา
สิ่งที่เรียกว่า เส้นทางสายไหม หรือ Belt and Road หรือที่เรียกว่า หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนั้น ความหมายที่แท้จริงก็คือ ยุทธศาสตร์แห่งความเชื่อมโยงผลประโยชน์ของประเทศทั้งหลายบนแผ่นดินใหญ่ของโลก โดยไม่ทอดทิ้งพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ริมทะเลและมหาสุมทรทั้งหลาย
อังกฤษ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย แม้เป็นประเทศที่เป็นเกาะก็พากันเข้าร่วมยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม จึงคงเหลือแต่ สหรัฐ ออสเตรีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น ที่เป็นประเทศเกาะและอยู่นอกเขตพื้นที่เส้นทางสายไหม แม้กระนั้นบางประเทศในกลุ่มนี้ก็เล็งเห็นประโยชน์ และพยายามหาทางที่จะเข้าร่วม ซึ่งจะต้องติดตามกันดูต่อไปว่าจะเป็นไปในรูปแบบใด
ในอดีตนั้นการขับเคลื่อนกระแสความขัดแย้งและสงคราม ได้ถือเอาพื้นที่ชายทะเลและริมขอบมหาสมุทรเป็นหลัก เหตุนี้การเสริมสร้างแสนยานุภาพทางนาวี และทางอากาศ จึงมีความสำคัญเป็นลำดับแรก แต่ทว่าการขับเคลื่อนสำหรับพื้นที่ดังกล่าวและรูปแบบนี้ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลดังนั้นยิ่งนานไปกำลังทางเศรษฐกิจก็จะอ่อนแอลง
เป็นผลให้ต้องปฏิบัติการในลักษณะโจรสลัดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่าผู้ก่อการร้ายไอซิส จึงปรากฏขึ้นในโลก แต่เนื่องจากขัดต่อผลประโยชน์ประชาชาติต่างๆ ดังนั้นยิ่งดำเนินการไปก็ยิ่งเสียความเป็นธรรมมากขึ้นทุกที
ในขณะที่ ยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมนั้น เจาะทะลุทะลวงเข้าสู่ใจกลางพื้นทวีปของทั่วโลก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทั้งอำนวยความสะดวกมากกว่า ดังนั้นยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่ข่มและทำลายยุทธศาสตร์เดิมของยุทธศาสตร์ความขัดแย้งและสงครามอย่างราบคาบ
ดังนั้นจึงเกิดการพลิกกลับขึ้นนั้นคือ ท่าทีใหม่ที่สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรีย จะตกลงร่วมกันตั้งกองทุนเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานร่วมกับประเทศต่างๆ เพื่อแข่งกับยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม
เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณปราชัยทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่ส่งสัญญาณแก่ชาวโลกว่า ยุคแห่งสันติภาพและการพัฒนากำลังมาถึงแล้ว ใครจะโง่หลงติดอดีตอยู่ก็คงจะเดือดร้อนเสียหาย และจะถูกทิ้งอยู่ข้างหลังอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี