หลายคน กังวลใจกับสถานการณ์น้ำในปีนี้ เกรงจะซ้ำรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554
1. เพราะในวิบัติภัยน้ำท่วม ปี 2554 นั้น สถานการณ์เลวร้ายกว่าปัจจุบันมากเกินคณานับ
ช่วง 25 กรกฎาคม 2554 ถึง 16 มกราคม 2555 ประเทศไทยพื้นที่กว่า 36 ล้านไร่ จมน้ำ
ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด ตั้งแต่เชียงใหม่ ลงมาถึงเมืองหลวง กทม.
สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน 12 ล้านคน
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 815 คนเสียชีวิต
ประชาชนคนไทยจำนวนกว่า 5 ล้านคน กลายเป็นผู้อพยพบนบ้านเกิดตัวเอง
คนงานเกือบ 650,000 คน ตกงาน หรือได้รับผลกระทบ
มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.425 ล้านล้านบาท
ธนาคารโลกจัดอันดับความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 4 ของโลก ถัดจากแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น (2554) แผ่นดินไหวในโกเบ (2538) และเฮอริเคนแคทรีน่า(2548)
2. ยังไม่นับความอุบาทว์ของนักการเมืองบางคน บางกลุ่มที่มีอำนาจขณะนั้น เล่นแร่แปรธาตุกับของบริจาคและเงินบริจาค เล่นการเมืองบนความฉิบหายของประชาชนผู้รอคอยความช่วยเหลือ
3. ช่วงเดือน ก.ค. จนถึงปลายปี 2554 เป็นอย่างไร?
ผลการสำรวจครัวเรือนที่ประสบภัยน้ำท่วม ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2554 เฉพาะพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมใน 61 จังหวัด โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานนโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ UNICEF และ WORLD HEALTH ORGANIZATION พบว่า มีครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม 5.3 ล้านครัวเรือน
ในจำนวนนี้ มีครัวเรือนที่ถูกน้ำท่วมร้อยละ 73.7
น้ำท่วมขังนอกและในตัวบ้านนานใกล้เคียงกัน คือ 25-27 วัน
น้ำท่วมสูงเฉลี่ย 87-88 ซม.
แต่มีครัวเรือนประมาณร้อยละ 30 ถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 30 วัน
และประมาณร้อยละ 19 มีน้ำท่วมขังสูงกว่า 120 ซม.
โดยพบในกรุงเทพมหานครและภาคกลางมากกว่าภาคอื่น
เอาง่ายๆ ในปีนั้น (พ.ศ.2554) รัฐบาลปล่อยให้น้ำท่วมแม้กระทั่งสนามบินดอนเมือง ถึงขนาดต้องย้ายศูนย์ปฏิบัติการน้ำหนีน้ำท่วมอย่างทุลักทุเล เป็นที่น่าเวทนา
(ภาพสนามบินดอนเมือง ปี 2554)
4. ข้อมูลจนถึงนาทีนี้ เขื่อนบางแห่งมีปริมาณน้ำเยอะกว่าช่วงปี 2554 จริง แต่แค่บางแห่ง และไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าเสมอไป เพราะยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการอีกหลายอย่าง
ล่าสุด ณ วันที่ 4 ส.ค.มีสถานการณ์น้ำท่วมขัง 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยโสธร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี นครพนม สกลนคร หนองคาย มุกดาหาร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ
สถานการณ์เฝ้าระวัง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ยกตัวอย่าง ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจานล่าสุด มีน้ำเกือบเต็มความจุเขื่อน แต่จะไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแน่นอน เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน Spillway ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ ปรับระดับน้ำขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อย เพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้น ต้องใช้ช่วงเวลาระยะหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่าน Spillway เต็มที่ และยังมีเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งในขณะนี้เขื่อนเพชรบุรี สามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้น น้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรี จะต้องใช้เวลา 20 ชั่วโมงกว่า จะถึงอำเภอเมืองเพชรบุรี โดยที่พื้นที่เพชรบุรี ในยุคปัจจุบัน กรมชลประทานได้วางแผนเตรียมการป้องกันน้ำท่วมไว้ก่อนหน้านี้ เตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ฤดูฝน โดยดำเนินการเสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของอาคารชลประทานอย่างต่อเนื่อง และติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ก่อนเกิดฝนตกหนัก ยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เกิดน้ำท่วม ทั้งยังทำการพร่องน้ำ เร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องสูบน้ำ
จากทุกหน่วยงาน รวมทั้งตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำโดยติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
อธิบดีกรมชลประทานมั่นใจว่า จากการทำงานที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า แก้ไขสถานการณ์อย่างเป็นระบบ และติดตามความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการบูรณาการร่วมมือกันปฏิบัติงานกันทุกหน่วยงาน และองค์กรการกุศล ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด
5. จะเห็นได้ว่า ปัจจุบัน ในหลายพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเตรียมรับมือ และน่าจะรับมือได้ดีกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ยังแก้ไม่ตกในหลายพื้นที่ คือ การวางผังเมืองที่ผิดพลาด
ทำให้น้ำที่ควรไหลสู่ลงสู่ทะเล หรือระบายออกจากชุมชนเมือง กลับท่วมขังอยู่นานเกินไป
การปรับปรุงผังเมืองให้สอดคล้องและสมดุลกับสภาพภูมิศาสตร์ จึงยังเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายควรจะต้องร่วมมือกันต่อไป
6. โดยสรุป สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ เชื่อว่า จะไม่มีผลลัพธ์ที่เลวร้ายเท่ากับในปี 2554
โดยเฉพาะปัจจัยจากการจัดการน้ำ หากดำเนินการอย่างมืออาชีพ
ไม่เหมือนช่วงปี 2554 ที่กลุ่มการเมืองผู้มีอำนาจล้วงกันเข้าไปจนเละตุ้มเปะ
เป็นเรื่องนี้ ที่เรามีความตื่นตัวติดตามสถานการณ์แต่ไม่ควรถึงขนาดตื่นตระหนกจนเกิดไป
ปีนี้ 2561 หลายพื้นที่คงจะมีน้ำท่วมแน่นอน แต่ผลลัพธ์ภาพรวม อย่างไรก็ไม่เลวร้ายเท่าปี 2554
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี