ประเทศไทยของเรามีปัญหาการอำนวยความยุติธรรมทางคดีอาญามาเป็นระยะเวลานานเพราะระบบการพิจารณาคดีอาญาของไทยนั้นยังใช้ระบบการกล่าวหาอยู่ ในขณะที่ประเทศที่เจริญแล้วจะใช้วิธีพิจารณาคดีอาญาด้วยระบบการไต่สวนมากกว่าการกล่าวหาเพราะจะมีการหาค้นข้อมูลของคดีได้ละเอียดรอบคอบมากกว่ามีการแสดงหลักฐานของฝ่ายอัยการโจทก์ในขณะที่ฝ่ายจำเลยสามารถต่อสู้ด้วยการหาพยานมาหักล้างข้อกล่าวหาของอัยการโจทก์ได้อย่างเต็มที่
เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาโดยศาลจะตั้งคณะลูกขุน 12 คน มาพิจารณาคดีในศาลโดยทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต้องหาหลักฐานและประจักษ์พยานทั้ง 2 ฝ่าย มาเสนอในศาลให้คณะลูกขุนทั้ง 12 คน พิจารณา หลังจากนั้นคณะลูกขุนก็ต้องไปประชุมกันชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทก์หรือไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาของไทยนั้นได้ประกาศใช้ตั้งแต่เมื่อปี 2477 นับมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นระยะเวลา 84 ปี หรือ 12 รอบ แล้วน่าจะถึงเวลาทบทวนแก้ไขให้กฎหมายมีความยุติธรรมมากยิ่งขึ้นต่อประชาชน ระบบกล่าวหาที่มีตั้งแต่ในอดีตจะต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียทั้งของผู้ฟ้องคดีอาญาฝ่ายโจทก์และผู้ต้องหาไปในเหตุการณ์เดียวกันไปพร้อมๆกันด้วยโดยรับฟังการสืบพยานในศาลของแต่ละฝ่าย
ปัจจุบันในประเทศไทยผู้ที่กระทำการตามหน้าที่ฝ่ายโจทก์คือเจ้าพนักงานตำรวจนั้นมีหน้าที่ไปดำเนินการจับกุมผู้ที่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาที่ถูกระบุแล้วนำมาทำการสอบสวนเองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาจากนั้นก็ส่งคดีไปให้เจ้าพนักงานอัยการโจทก์พิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง
เมื่อศาลอาญาขั้นต้นได้ประทับรับฟ้องแล้วฝ่ายจำเลยก็ต้องมีหน้าที่ต่อสู้คดีว่าตนเองผิดหรือไม่ตามคำฟ้องคดีของฝ่ายโจทก์ในขณะนี้ มีข้อเสนอจากประชาชนและนักกฎหมายที่ไม่ใช่เป็นพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการว่าประเทศไทยถึงเวลาที่จะต้องอำนวยความยุติธรรม ให้มากขึ้นด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายอาญาให้แยกฝ่ายสืบสวนจับกุมและฝ่ายสอบสวนคดีอาญาออกจากกันเหมือนประเทศที่เจริญแล้ว
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานตามกฎหมายมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาเท่านั้นเมื่อจับตามหมายได้แล้วก็นำส่งมาให้พนักงานสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมคืออัยการซึ่งฝ่ายอัยการต้องมีเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีอาญาเป็นการเฉพาะอาจจะต้องปรับเปลี่ยนกรมสอบสวนคดีพิเศษไปเป็นกรมสอบสวนคดีอาญาขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม ในขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จริงต้องขึ้นกระทรวงยุติธรรมด้วย
ซึ่งการอำนวยความยุติธรรมในรูปแบบนี้ก็จะทำให้การพิจารณาในชั้นศาลอาญาขั้นต้นมีความเที่ยงธรรมมากขึ้นโดยไม่ให้เจ้าพนักงานตำรวจเป็นฝ่ายสืบสวนจับกุมแล้วนำเอาผู้ต้องหามาสอบสวนคดีเองอีกต่อไปการปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้ประชาชนผู้ต้องหาได้รับความเป็นธรรมมากขึ้นในขณะที่ผู้เสียหายเองก็ไม่ได้เสียประโยชน์แต่อย่างใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี