โลกทางการเงินยุคเก่ากำลังผ่านพ้นไปแล้วโลกทางการเงินยุคใหม่กำลังเข้ามาแทนที่ ในอดีตเหมา เจ๋อ ตง เคยเสนอทฤษฎี 3 โลก ที่แบ่งประเทศโลกออกเป็นกลุ่มต่างๆ 3 โลก คือ โลกของประเทศที่เป็นมหาอำนาจซึ่งพัฒนาขั้นสูงแล้วโลกของประเทศที่พัฒนาแล้ว และโลกของประเทศที่กำลังพัฒนา
ในระยะหลังทฤษฎี 3 โลก ดังกล่าวได้เลือนหายไป แต่โลกทางการเงินกับเกิดเป็น 3 โลก ขึ้นและดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกับทฤษฎี 3 โลกนั้น จนมีผู้กล่าวว่าทฤษฎี 3 โลก ของ เหมา เจ๋อ ตง ปรากฏเป็นจริงขึ้นในโลกทางการเงิน
นั้นคือโลกของเงินดอลลาร์ ซึ่งเคยครอบงำทั่วโลกมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้นสหภาพยุโรปเกิดขึ้นและใช้สกุลเงินเดียวกัน โลกของเงินยูโรก็เกิดขึ้นและมีส่วนแบ่งในตลาดเงินประมาณ 25% และมาถึงปัจจุบันนี้โลกของเงินหยวนของจีนก็เกิดขึ้น และมีส่วนแบ่งในตลาดเงินของโลกใกล้เคียงกับสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐไปแล้ว
ในอดีต การซื้อน้ำมันจากทุกแหล่งในโลกต้องซื้อหาด้วยเงินดอลลาร์ทุกประเทศจึงต้องแสวงหาเงินดอลลาร์เพื่อนำไปซื้อน้ำมัน และเมื่อทั่วโลกปฏิบัติอย่างเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็กลายเป็นหลักประกันทางการเงินของโลก ทำให้สหรัฐสามารถยกเลิกการใช้ทองคำเป็นทุนสำรองในการออกเงินดอลลาร์
คงมีคำว่า In God we trust ซึ่งความหมายที่แท้จริงก็คือ In Gun we trust และทำให้สหรัฐสามารถครอบงำโลกได้อย่างมั่นคง
แต่ในปัจจุบันนี้ เปลี่ยนแปลงไปสิ้นเชิงแล้ว เงินหยวนกลับกลายเป็นสกุลเงินที่สามารถซื้อน้ำมันได้จากทุกแหล่งทั่วโลก ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐใช้ไม่ได้ในการซื้อน้ำมันจาก 5 ประเทศ คือรัสเซีย อิหร่าน อิรัก ซีเรีย และเวเนซุเอลา จึงทำให้การใช้เงินหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมากมายและกำลังจะกลายเป็นสกุลหลักของทั่วโลกไปแล้ว
เพื่อให้เงินหยวนมีบทบาทเป็นโลกที่ 1 จีนจึงได้จัดหาทองคำเป็นหลักประกันในการออกเงินหยวนเต็มมูลค่า ทำให้โดยสภาพเงินหยวนมีความมั่นคงและเชื่อถือกว่าเงินดอลลาร์ ที่ไม่มีหลักประกันใดๆ นอกจากคำว่า In God We trust
กลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ต่างมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนกระแสสันติภาพและการพัฒนา และทำลายล้างกระแสความขัดแย้งและสงครามจึงถือเป็นภารกิจในการทำให้เงินหยวนเป็นเงินสกุลหลักของโลก และย่อมส่งผลให้เงินดอลลาร์มีความหมายน้อยลงไปทุกที
ดังนั้นจึงมีการเทขายเงินดอลลาร์ออกไปอย่างต่อเนื่อง หรือไม่ก็นำเงินดอลลาร์ที่มีอยู่ไปเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นที่มีความมั่นคงมากกว่า และส่งผลโดยตรงให้ปริมาณการใช้เงินดอลลาร์ลดลงอย่างน่าใจหาย เปรียบเทียบได้กับการทำให้เลือดไหลออกจากร่างกายของสหรัฐชนิดหยุดไม่ได้นั้นเอง
ดังนั้นจึงเกิดความพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากสภาพดังกล่าว เหตุนี้ความรุนแรงในเรื่องต่างๆ และการสร้างความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ จึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
เพราะเหตุที่มีการเทขายเงินดอลลาร์อย่างกว้างขวางต่อเนื่อง จึงทำให้กลวิธีทางการเงินนานาชนิดที่จะทำให้เงินดอลลาร์มั่นคงและเข้มแข็งขึ้นต้องประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
เงินดอลลาร์กลายเป็นสตรีที่ไม่มีใครเหลียวมองต้องการ เป็นสินค้าในตลาดที่มีการเททิ้งอย่างต่อเนื่อง สภาพเช่นนี้จึงทำให้ค่าเงินดอลลาร์ต้องอ่อนตัวลง
จึงทำลายความหวังของนักเก็งกำไรค่าเงินที่แสวงหาเงินดอลลาร์มากักตุนไว้ เพราะหลงเชื่อ และหลงผิดว่าเงินดอลลาร์จะมีค่าที่เข้มแข็ง แล้วจะมีผลกำไรอย่างงาม
ในที่สุดเมื่อสภาพเป็นเช่นนี้ จึงเกิดผลขาดทุนขึ้นและขาดทุนเพิ่มขึ้นจากที่ขาดทุน 1 แสนล้านบาท ในปลายปี 2559 ก็เพิ่มเป็น 9 แสนล้านบาท ในปลายปี 2560 และเมื่อถึงวันนี้ผลขาดทุนก็อาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านล้านบาทก็เป็นได้ แล้วจะทำอย่างไรกันดี เพราะอีแร้งทางการเงินกำลังด้อมๆ มองๆ อยู่แล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี