ศัพท์การเมืองนั้นมีเพิ่มเติมเข้ามาในวิชารัฐศาสตร์เรื่อยๆ ตามยุคตามสมัย และในยุคหลังๆ ก็ได้มีศัพท์การเมืองที่ใช้แยกแยะประเภทนักการเมืองขึ้นมา เช่น นักการเมืองน้ำดี และนักการเมืองน้ำเน่า
โดยนักการเมืองน้ำดี นั้นหมายถึงนักการเมืองแท้ๆที่อาสาเข้ามารับใช้บ้านเมืองโดยสมัครใจ โดยมีอาชีพประจำที่ทำให้ชีวิตมั่นคงอยู่แล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งก็มีจิตอาสาในการที่จะเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เพื่อเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง เพราะตนเองนั้นมีความพร้อมอยู่เป็นทุน บวกกับมีความรักและห่วงใย หวงแหนประเทศชาติจึงอยากมาทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง
ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว คนที่เป็นนักการเมืองน้ำดี นั้นก็เลยเข้ามาสู่วงการเมืองพร้อมกับอุดมคติที่จะทำแต่ความดีเพื่อส่วนรวม คู่ขนานไปกับการมีอุดมการณ์ว่าด้วยเสรีประชาธิปไตย ไม่เอากับเผด็จการไม่ว่าจะระบอบ หรือรูปแบบใดๆ โดยปริยาย
อย่างไรก็ดี การเมืองประชาธิปไตยไทยที่ผ่านมา กลับมีแต่ปัญหาเรื้อรังกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี แถมยังแก้ไขกันไม่ได้ นั่นก็เพราะในวงการเมืองนั้น ไม่ได้มีแต่นักการเมืองน้ำดีอย่างที่สังคมนั้นต้องการกัน โดยในความเป็นจริงแล้วกลับพบว่า มีนักการเมืองน้ำเน่า (ซึ่งเป็นนักการเมืองเทียม หรือนักการเมืองแอบแฝง) ได้แฝงตัวเข้ามาครอบงำสังคมและโกงกินสังคม นักการเมืองน้ำเน่ามีจำนวนมากกว่านักการเมืองน้ำดี สังคมประชาธิปไตยจึงล้มลุกคลุกคลาน
ในยุคสมัยนี้ ก็เลยมีการบัญญัติศัพท์การเมืองเพิ่มเติมสำหรับนักการเมืองน้ำเน่าเหล่านี้ว่าเป็น “นักเลือกตั้ง” เพราะท่องแต่คำว่า “ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง” แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำทุกวิถีทาง (จะถูกจะผิดก็ช่าง สังคมจะพังพินาศก็ไม่เป็นไร) เพียงเพื่อให้ตนได้รับเลือกตั้ง แล้วจะได้ไปใช้ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่ในการกอบโกยเท่านั้น
และเมื่อมันเลวร้ายไปกว่านั้น ก็คือ เมื่อกลุ่มนายทุนต้องการทางลัดคิวการขึ้นสู่อำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้ง ก็ต้องไปกวาดต้อนนักเลือกตั้งเหล่านี้เข้ามาเป็นฐาน นักเลือกตั้งเหล่านี้ก็อยู่ในสังกัด และรับคำสั่ง ก็หลงลืมการรับใช้ประชาชนไปโดยปริยาย
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอขยายความ นักการเมืองน้ำเน่า หรือนักเลือกตั้ง ที่เฝ้ามาจับจองของผู้กระหายอำนาจเป็น “นักรับจ้างเลือกตั้ง” หรือนักรับจ้างจับจองที่นั่ง หรือพูดให้สั้นลง ก็เป็นนักการเมืองรับจ้าง หรือขยายอีกนิดเป็นนักการเมืองชำนาญการจับจอง ก็คงจะได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นแก่สาธารณชน
และมื่อคนเหล่านี้ เลือกที่จะเป็นนักรับจ้างเลือกตั้งกันแล้ว ก็ลืมไปได้เลยกับ เรื่องการอาสา การเสียสละ การมีอุดมคติ และการมีอุดมการณ์โดยรวม เพื่อความก้าวหน้าของประเทศ เพราะคุณสมบัติสำคัญของการเป็นนักรับจ้างจับจองเหล่านี้ จะไม่ได้อยู่ในสารบบที่อยู่ในสมองน้อยนิดของพวกเขา โดยสมองเขาจะมีเพียงตัวเลข กับคำว่า “ได้เท่าไร”เพียงเท่านั้น (หมายถึงกี่ล้านบาทต่อหนึ่งที่นั่ง และเท่าไหร่ต่อการยกมือสนับสนุนหนึ่งเสียงในสภา)
สภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ ที่เป็นที่คาดหวังว่าจะเป็นที่พึ่งพาของปวงชนชาวไทย หลายยุคหลายสมัย จึงติดหล่มปัญหาทางการเมือง ถอยหลังเข้าคลองกันตลอดก็เนื่องจากในนั้นเต็มไปด้วยโจรการเมืองดังกล่าว ซึ่งต่างวิ่งเข้าหาผู้อุปการะ หรือเจ้ามือก๊วนการเมือง หรือเจ้าของบ่อนการเมือง ซึ่งเมื่อเจ้าของก๊วนจ่ายค่าตัวนักรับจ้างเลือกตั้ง บวกกับค่ายกมือในสภา เป็นตัวเลขต้นทุนของเขาแล้ว เขาก็จะใช้อำนาจหารายรับเข้ากระเป๋าพรรคพวกตน จากการเบียดบังเงินงบประมาณประเทศ ที่มาจากภาษีประชาชนตาดำๆ ผู้ที่อาบเหงื่อต่างน้ำ ใช้น้ำพักน้ำแรงเลี้ยงชีพของตนโดยมีความหวังลึกๆ ในใจว่า ตัวแทนที่เขาเลือกเข้าไป จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาให้ดีขึ้น ด้วยการบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดั่งที่นักการเมืองควรจะเป็น
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในวันที่ยุคปฏิรูปประเทศ ที่นำโดยฝ่ายกองทัพนำพา เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปการเมืองไทยให้ใสสะอาด ประชาชนไทยก็หัวใจพองโตไปด้วยความหวังว่า หลังจากนี้ พวกเขาจะไม่ถูกหลอกหลอนจากบรรดานักการเมืองน้ำเน่า นักการเมืองเทียม นักรับจ้างเลือกตั้ง หรือเจ้ามือก๊วนการเมือง กันอีกต่อไป เพราะบุคคลสามานย์ที่เคยโลดแล่นในเวทีการเมืองกันอย่างย่ามใจ คงจะถูกไล่ออกไปจากสภา ด้วยกระบวนการคัดกรองที่มีคุณภาพ อันเกิดจากการปฏิรูปหนนี้เป็นแน่แท้
แต่เมื่อถึงวันนี้ ประชาชนไทยได้แต่อ้าปากค้าง เพราะทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกันไปหมด ทีมของพระเอกขี่ม้าขาวที่อาสาเข้ามาจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยใสสะอาดนั้น ดันปฏิรูปไม่เสร็จกันเสียที แถมยังอยากมีบทบาท กุมอำนาจทางการเมืองกันต่อไปอีกต่างหาก แต่เมื่อติดปัญหาคำสัญญาเรื่องวาระเลือกตั้งที่ให้ไว้กับสังคม ทีมอัศวินขุนศึกก็เลยเลือกวิธีลัดแบบนักการเมืองน้ำเน่าที่แล้วๆ มา ด้วยการตั้งตนเป็นเจ้ามือก๊วนการเมือง แล้วดำเนินการช็อปปิ้งบรรดานักรับจ้างเลือกตั้งเข้ามาเสริมทัพของตน
คำถามจากสังคมก็คือ ปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองก็ไม่เห็นจะไปถึงไหน แถมวันนี้ยังมาประพฤติปฏิบัติตัวเหมือนนักการเมืองน้ำเน่าที่ประชาชนไทยเขาเอือมระอา อย่างนี้แล้วความหวังของประเทศไทยจะไปอยู่ที่ไหน?
แทนที่จะสร้างระบบคัดกรองที่เข้มงวด ให้ในอนาคตนั้นมีแต่คนดีๆ ที่จะสามารถเข้ามาร่วมรับใช้บ้านเมือง คัดเอาเฉพาะนักการเมืองพันธุ์แท้มานำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้า แต่นี่ ผู้ที่เป็นหัวหน้าการปฏิรูป ดันมุ่งหน้ารวบรวมบรรดานักการเมืองเทียม หรือนักรับจ้าง หรือนักจับจองทั้งหลาย มาเสริมอำนาจแทน ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการยึดอำนาจผ่านกระบวนการเลือกตั้ง แถมยังเลวร้ายกว่าเพราะมันคือการทำให้สังคมได้เห็นว่า คนที่เป็นความหวังของเขา ในวันนี้ได้ยอมลดตัวลงไปคบหา และยอมจับมือกับเหลือบสังคม กับโจรการเมือง เพียงเพื่อจะได้กุมอำนาจต่อไปเท่านั้น
พระเอกขี่ม้าขาวคนนั้น หายไปไหนเสียแล้ว? หรือว่าตั้งแต่ต้นมา ธาตุแท้ของบรรดาอัศวินก็ไม่ได้ผิดกับบรรดานักการเมืองน้ำเน่าที่ตนได้บอกว่าจะกวาดล้างออกไปกันแน่?
เอาล่ะ เมื่อจะดูถูกดูแคลนสติปัญญา และความรู้สึกผิดชอบของปวงชนชาวไทย ด้วยความมั่นอกมั่นใจว่า วิธีการดังกล่าวจะนำมาซึ่งการสืบทอดอำนาจของตนได้ก็ไม่ว่ากัน ผมเองก็คงได้แต่สะกิดเตือนกันไว้ตรงนี้ว่าอำนาจใดๆ ที่ปราศจากความชอบธรรมนั้น อาจดำรงอยู่ได้ แต่ก็เพียงระยะเวลาไม่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมไทยที่มีศีลธรรมเป็นตัวกำกับ ซึ่งจะผลักดันให้พลังประชาชนไม่หยุดนิ่ง ไม่ยอมแพ้ต่อความไม่ถูกต้องและจะมีการต่อสู้เพื่อความถูกต้องยุติธรรมเป็นระยะๆ จนเมื่อจังหวะเวลาเหมาะสม เมื่อนั้นการทวงคืนอำนาจจากปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงจะเกิดขึ้นอีกครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี