การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกมายาวนานในสังคมไทยถือเป็นความท้าทายหนึ่งที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุดคือประชาชน ในบทความตอนนี้ผู้เขียนจึงศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของประชาชนในการมีส่วนร่วมการต้านคอร์รัปชัน เพื่อให้ท่านผู้อ่านเกิดความมั่นใจในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาสำคัญนี้โดยไม่ต้องหวั่นเกรงอำนาจใด และนำเสนอเครื่องมือที่ได้รับการพัฒนาโดยภาคส่วนต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้สิทธินี้ได้อย่างมีประสิทธิผลด้วย
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้มีการกำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนชาวไทยในการเข้าร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน โดยมีการบัญญัติไว้ในมาตรา 63 ว่า รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน และให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่เกิดจากการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน และจัดให้มีมาตรการและกลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด รวมทั้งกลไกในการส่งเสริม ให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อมีส่วนร่วมในการรณรงค์ให้ความรู้ ต่อต้านหรือชี้เบาะแส โดยได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ ข้อบัญญัติดังกล่าวนำมาสู่การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในทางปฏิบัติ 3 ประการ
ประการแรก กฎหมายกำหนดให้ภาครัฐเป็นผู้มีหน้าที่ในการสนับสนุนประชาชนและกำจัดอุปสรรคที่จะขัดขวางการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งประการนี้ไปสู่การร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมและคุ้มครองประชาชนในการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อเป็นแนวทาง กลไกและข้อปฏิบัติที่ชัดเจนในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน เช่น หากผู้ร้องเรียนโดนฟ้องร้องเนื่องจากการแจ้งเรื่องการทุจริต รัฐจะต้องจัดหาทนายความเพื่อต่อสู้คดีให้ประชาชนผู้นั้น ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเข้ามามีสิทธิเข้าร่วมในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันทางหนึ่ง
ประการที่สอง ให้สิทธิและคุ้มครองการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเคลื่อนไหวหรือแสดงออกเพื่อการต่อต้านคอร์รัปชันโดยมีกฎหมายให้การรับรอง เช่น ส่งเสริมการรวมตัวกันรณรค์ให้ความรู้เกี่ยวกับคอร์รัปชัน หรือการรวมตัวกันของกลุ่มประชาชนในการร่วมแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน เพราะเมื่อประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจกับปัญหานี้มากขึ้น และเห็นว่าคนอื่นๆ ในสังคมก็คิดเช่นเดียวกัน ก็จะมีความมั่นใจในการเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหานี้มากขึ้นด้วย
ประการที่สาม ส่งเสริมให้ประชาชนตื่นตัวอยากเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาของประเทศชาติไม่ละเลยหรือเพิกเฉยหากพบเห็นการทุจริตเกิดขึ้น รวมถึงการสร้างค่านิยมใหม่ที่มองว่าคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคนที่สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาได้
เมื่อได้ทราบว่ากฎหมายให้ความคุ้มครองสิทธิและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างนี้แล้ว ผู้อ่านคงจะสบายใจในการมีส่วนร่วมมากขึ้นแล้ว ดังนั้นเพื่อความต่อเนื่อง ผู้เขียนจึงขอนำเสนอช่องทางที่ได้รับการพัฒนาโดยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเข้าร่วมต่อต้านคอร์รัปชันอย่างเป็นรูปธรรม ให้ผู้อ่านสามารถเลือกเข้าร่วมตามความพึงพอใจและเหมาะสม
ช่องทางแรกคือ การร้องเรียนผ่านหน่วยงานภาครัฐที่ทำหน้าที่การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีการเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนได้หลายช่องทางเช่น ทางสายด่วนป.ป.ช. 1205 การโทร.แจ้งเรื่องหมายเลขโทรศัพท์ 0-2528-4800-01 การแจ้งเรื่องร้องเรียนทางจดหมายสามารถส่งได้ตามที่อยู่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เลขที่ 361 ถนนนนทบุรี ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 และการเข้าร้องเรียนโดยตรงที่สำนักงานทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยต้องทำเป็นหนังสือ ซึ่งมีรายละเอียดระบุไว้ที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ป.ป.ช. ประชาชนผู้แจ้งเรื่องสามารถเข้าดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ www.nacc.go.thอย่างไรก็ตาม ช่องทางดังกล่าวอาจยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การแจ้งเรื่องร้องเรียนจะต้องมีการให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งเรื่องจะต้องให้ชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และที่อยู่ ทำให้ประชาชนผู้แจ้งเรื่องมีความหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัย
ผู้เขียนจึงขอนำเสนออีกช่องทางหนึ่ง ผ่านเครื่องมือต่างๆ ที่พัฒนาโดยภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ที่มีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่เป็นองค์กรศูนย์กลางขับเคลื่อน โดยประชาชนที่พบเห็นการทุจริตสามารถนำเรื่องร้องเรียนผ่านโครงการหมาเฝ้าบ้าน ในช่องทาง Facebook Page ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ที่สืบสวนสอบสวน รวบรวมข้อมูล และเปิดเผยข้อเท็จจริง
ของการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่อาจเกิดการทุจริตในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และสำหรับใครที่สนใจอยากจะมีส่วนร่วมมากกว่าแค่แจ้งเบาะแส ก็สามารถสมัครเข้าร่วมเป็นเครือข่ายหมาเฝ้าบ้านได้ด้วย โดยจะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติการเสริมเป็นทักษะในการสอดส่อง ขุดคุ้ยข้อมูล เปิดโปงการทุจริตในภาครัฐอีกด้วย ผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถเข้าไปติดตามดูได้ที่ Facebook Page ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
อีกช่องทางหนึ่งที่ประชาชนเลือกเข้าร่วมได้คือ Facebook Page ต้องแฉ ที่เป็นการร่วมมือของหลายองค์กรภาคเอกชนและประชาสังคม ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมแจ้งเบาะแส แชร์ข้อมูลทุจริตที่พบเห็น ให้ข้อมูลและความเห็นเพิ่มเติม และติดตามตรวจสอบให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความโปร่งใสและการแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริงอย่างสร้างสรรค์ในสังคมไทย โดยข้อมูลต่างๆ ที่เพจนี้ได้รับมา จะผ่านการคัดกรองและสืบค้นเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโซเชียลมีเดียและสื่อกระแสหลัก
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากสำหรับช่องทางร้องเรียนของภาคประชาสังคมเหล่านี้คือ ความสะดวกปลอดภัย และสามารถสร้างผลกระทบทางสังคมได้จริง ผู้เขียนขอยกตัวอย่างความร่วมมือของประชาชนผ่านช่องทางนี้ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาการทุจริตได้จริง นั่นคือ กรณีการทุจริตอาหารกลางวันเด็กโรงเรียนบ้านท่าใหม่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีพลเมืองผู้ตื่นรู้สู้โกงกลุ่มหนึ่งส่งรูปขนมจีนคลุกน้ำปลาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งจัดเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียนมาที่ Facebook Page ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านทีมงานหมาเฝ้าบ้านจึงรวบรวมและสืบหาข้อมูลเพิ่มแล้วนำเสนอเรื่องนี้สู่สังคม สร้างความตกใจและความไม่พอใจต่อเหตุการณ์นี้ในโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้ประชาชนในพื้นที่รวมตัวกันเพื่อออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ จนนำมาสู่การตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านท่าใหม่ และมีคำสั่งย้ายด่วน แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จังหวัดสุราษฎร์ธานีเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ทุจริตและมีความผิดวินัยร้ายแรง เป็นผลให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมีสั่งกำชับว่าจะต้องดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ดำเนินคดีทางอาญาและทางแพ่งให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับพื้นที่อื่นๆ ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่พลเมืองกลุ่มหนึ่งส่งรูปและข้อมูลมาที่ Facebook Page ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านเท่านั้น โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนเสียด้วยซ้ำ
เมื่อกฎหมายที่ให้การคุ้มครองสิทธิและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการต่อต้านคอร์รัปชัน ได้รับการสนับสนุนโดยช่องทางการมีส่วนร่วม ทั้งแบบทางการของภาครัฐ หรืออย่างง่ายๆ
ของภาคเอกชนและประชาสังคม ให้ประชาชนได้เลือกใช้กันตามความพอใจและเหมาะสม การมีส่วนร่วมของประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือน่ากลัวอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี