ในวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม ที่จะถึงนี้บรรดาชาวไทยในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้และชาวไทยจากทุกๆ ภาคได้นัดหมายมารวมตัวกันประมาณ 150 คน เพื่อเสวนาในเรื่องคลองไทยในระหว่างเวลา 09.00 น. ถึงเวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลขที่ 9/9 หมู่ที่ 19 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนากรุงเทพมหานคร
ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการเสวนาในครั้งนี้รวมตัวกันมาจากหลายภาคส่วน เช่น สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯเจ้าของสถานที่จัดการเสวนา, สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย, สมาคมคลองไทยเพื่อการศึกษาและพัฒนา, คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง, ข้าราชการพนักงานรัฐวิสาหกิจจากทั่วประเทศและสื่อสารมวลชนมากมายที่ได้ให้ความสนใจในเรื่องกาสรขุดคลองไทยเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองในอนาคต
แนวความคิดที่จะขุดคลองไทยหรือสมัยก่อนก็คือการขุดคลองกระนั่นเองมีมาตั้งแต่สมัยขุนหลวงนารายณ์มหาราชพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์ปราสาททอง ในปี พ.ศ. 2240 เมื่อ 321 ปี ที่ผ่านมา โดยคณะวิศวกรชาวฝรั่งเศสที่มากับคณะราชทูตในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งพระราชวงศ์บูรบงของราชอาณาจักรฝรั่งเศสเป็นคนกราบบังคมทูลแนวความคิดต่อขุนหลวงนารายณ์มหาราชนั่นเอง
พระราชอาณาจักรไทยในขณะนั้นมีเมืองท่าใหญ่ทางฝั่งทะเลอันดามันก็คือเมืองมะริดในแคว้นทวายขุนหลวงนารายณ์ได้แต่งตั้งฝรั่งชาวอังกฤษ 2 คน จากบริษัทอินเดียตะวันออก จำกัด ที่เมืองมัททราส หรือเชนไน ในปัจจุบันทำหน้าที่กำกับดูแลเมืองท่ามะริดเมืองขึ้นของเมืองตะนาวศรีแคว้นทวายเจ้าเมืองมะริด คือนายริชาร์ด เบอร์นาบี นายท่าเรือทำหน้าที่ผู้เก็บภาษีอากรคือกัปตันไวท์
ส่วนเมืองท่าทางฝั่งอ่าวไทยคือเมืองบางกอกวิศวกรฝรั่งเศสได้เสนอให้ไทยขุดคลองกระเพื่อย่นระยะทางเดินเรือไม่ต้องอ้อมแหลมมาลายูและเกาะสิงคโปร์สามารถย่นระยะทางได้ถึง 800 กิโลเมตรขุนหลวงนารายณ์มหาราชทรงศึกษาความเป็นไปได้แต่ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ก็สิ้นรัชกาลและสิ้นพระราชวงศ์ปราสาททองเสียก่อนพราะเจ้าแผ่นดินไทยราชวงศ์บ้านพลูหลวงไม่ได้ให้ความสนใจการขุดคลองกระ
เวลาผ่านมาเรื่อยๆ จนถึงยุคต้นและยุคกลางของกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช, พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้มีการพิจารณาเรื่องคลองกระแต่ด้วยขณะโน้นยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคงของประเทศการขุดคลองกระจึงต้องระงับไปจนได้กลับมาสนใจอย่างมากอีกครั้งในปี 2544 ถึง 2548
วุฒิสภาได้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องการขุดคลองเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทรของประเทศไทยอีกครั้งได้ข้อมูลนำเสนอความเป็นไปได้ของการขุดคลองต่อรัฐบาลของระบอบทักษิณในขณะนั้นแต่ด้วยความแตกแยกทางด้านการเมืองระหว่างฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณกับฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณในระหว่างปี 2548 จนถึงปีนี้ 2561 เวลาผ่านไป13 ปีโครงการนี้จึงได้หายไปเพิ่งมาเป็นที่สนใจของประชาชนคนไทยเป็นอย่างมากในปี 2559
ในระหว่างปี 2559 มาจนถึงปี 2561 ชาวไทยในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ประกอบด้วยระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ประสบปัญหาราคาผลผลิตในพื้นที่ภาคใต้ตกต่ำทั้งยางพารา ผลไม้ ปาล์มน้ำมัน และประมง ทำให้ชาวใต้จากทั่วประเทศได้หันมาสนใจกับโครงการคลองไทย 9 เอที่มีระยะทาง 135 กิโลเมตรมากขึ้น
เพราะมีความเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลชุดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาขุดคลองไทยเชื่อมต่อ 2 ฝั่งมหาสมุทรจากอำเภอสิเกาจังหวัดตรัง ไปออกที่อำเภอระโนดจังหวัดสงขลาได้สำเร็จโดยใช้วงเงินลงทุนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท หรือ 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐประเทศไทยทั้งประเทศจะมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้เป็นอย่างดี
ประชาชนชาวใต้ใน 14 จังหวัดได้มีการจัดเสวนาเรื่องคลองไทยมาแล้วมาน้อยกว่า 15 ครั้งในห้วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา แกนนำในเรื่องนี้มีมาจากหลายภาคส่วน เช่น พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ, ศ.ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์, พลเอกพงษ์เทพ เทศประทีป, พลเอกประดิษฐ์ บุญเกิด, พลเอกธวัชชัย สมุทรสาคร, รศ.ดร.สุเมต สุวรรณพรหม, นายยงยุทธ แก้วเขียว, ศ.ดร.ฐาปนา บุญหล้า, รศ.ดร.สถาพร เขียววิมล, นายสุทธิชัย หยุ่น, นายสุภาพ คลี่ขจาย, ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์, ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์, ดร.สมเกียรติ กันทรวรากร ฯลฯ
ผลของการเสวนาได้มีข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรี, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้พิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลองไทย 9 เอ และการเสวนาอีกครั้งในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ก็จะได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอไปให้รัฐบาล “ลุงตู่” ได้นำไปพิจารณาต่อไปอีกครั้งหนึ่ง
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี