สาธารณชนรู้ดีว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเข้ามาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้นจึงไม่ประหลาด ถ้าหาก สนช. จะมีความหวังดี และปรารถนาดีต่อ คสช.แต่ขณะเดียวกัน สนช. ต้องตระหนักไว้เสมอว่า ตนเองมีหน้าที่สำคัญคือการตรากฎหมายของประเทศ และยังมีหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลการบริหารงานของรัฐบาล คสช.
มีคำถามจากสาธารณชนว่า สนช. ยังระลึกได้ดีใช่ไหมว่า ภารกิจและหน้าที่หลักของตนเองคืออะไร สาเหตุที่มีคำถามนี้ดังมาจากสาธารณชนก็เพราะประชาชนไทยจำนวนไม่น้อยเห็นชัดว่า สนช. หลายคนไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองเพื่อประเทศชาติ และเพื่อสาธารณชนอย่างเหมาะสม แต่กลับแสดงตนให้สาธารณชนเข้าใจว่า สนช. บางรายนั้นมีฐานะเป็นเพียงผู้รับใช้ หรือผู้รับคำสั่งจาก คสช. ซึ่งดูๆ ไปแล้วก็มีสถานะไม่แตกต่างไปจาก สส. บางจำพวก โดยเฉพาะ สส. ซึ่งทำหน้าที่รับจ้างยกมือแลกกับค่าจ้างจากนายทุนพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนรัฐบาล โดยเฉพาะในยุคที่มีการเลือกตั้ง (ซึ่งเต็มไปด้วยการทุจริตฉ้อฉล)
สนช. ยุคปัจจุบันถูกสาธารณชนผู้มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องราวทางการเมืองตามระบอบรัฐสภา ซึ่งจำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง สส. ตั้งคำถามว่า เพราะเหตุใด สนช. จึงต้องเข้าไปจุ้นจ้าน วุ่นวายกับ กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) มาจนเกินงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่ สนช. กลุ่มหนึ่งเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 เพื่อแก้ไขการสรรหาผู้ตรวจการการเลือกตั้ง
สาธารณชนที่มีความรู้ความเข้าใจระบบการเมืองแบบเสรีประชาธิปไตย ตั้งคำถามด้วยว่า การกระทำดังกล่าวของ สนช. ถือเป็นการจงใจใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติเข้าแทรกแซงการทำงานของ กกต. หรือไม่ แล้ว สนช. ใช้อะไรเป็นฐานคิด จึงได้เสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 หรือคิดว่าหากปล่อยให้ กกต. ทำงานไปตามหน้าที่แล้ว ผลการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่เป็นคุณต่อ คสช. และรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำหรับคนที่ไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าผู้ตรวจการการเลือกตั้งคือใคร มีภาระหน้าที่อะไร ก็ขออนุญาตตอบสั้นๆ ณ ที่นี้ว่า คนกลุ่มนี้คือผู้ที่มาทำหน้าที่แทน กกต. จังหวัด หลังจากกกต. จังหวัดถูกสั่งให้ยุบไปเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ใช้ยุบ กกต. จังหวัดก็คือ เพื่อตัดปัญหาความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง กกต. จังหวัดกับนักการเมืองท้องถิ่น โดยเชื่อเอาเองว่าผู้ตรวจการการเลือกตั้งน่าจะทำให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้งได้มากกว่าเดิม เพราะเป็นคนนอกพื้นที่
มีข้อเท็จจริงปรากฏว่าเงินเดือนของผู้ตรวจการการเลือกตั้งคือ 5 หมื่นบาท และยังสามารถเบิกค่าใช้จ่ายอื่นๆ อาทิ ค่าเบี้ยเลี้ยง 400 บาทต่อวัน ค่าที่พัก 1,500 บาทต่อวัน ค่าพาหนะ 1 พันบาทต่อวัน ผู้ตรวจการฯ สามารถจ้างผู้ช่วยได้ 1 คน อัตราเงินเดือน 15,000 บาท และเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงได้ 250 บาทต่อวัน ค่าที่พัก 750 บาทต่อวัน ถ้าหากผู้ตรวจการฯ ปฏิบัติงานในจังหวัดสงขลา จะได้รับค่าเสี่ยงภัยเดือนละ 3,750 บาท ถ้าปฏิบัติงานในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จะได้ค่าเสี่ยงภัยเดือนละ 5 พันบาท
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จะยังไม่ขอวิจารณ์ประสิทธิภาพการทำงานของผู้ตรวจการการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่สาธารณชนกำลังจับตามองก็คือ กระบวนการได้มาซึ่งผู้ตรวจการฯ จะบริสุทธิ์ โปร่งใส และขาวสะอาด ปราศจากการแทรกแซงและการชี้นำโดยกลุ่มผู้มีอำนาจรัฐ และ สนช. หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี