เมื่อวันก่อน ได้ตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามต่อการดำเนินโครงการดาวเทียมธีออส 2 หรือโครงการระบบดาวเทียมสำรวจพร้อมระบบภาคพื้นดินและระบบแอพพลิเคชั่นภูมิภาคสารสนเทศ สำหรับโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) วงเงินกว่า 7,000 ล้านบาท
เนื่องจากผู้สังเกตการณ์อิสระ ตามข้อตกลงคุณธรรรม จำนวน 6 ราย ลาออก หลังที่จากที่เขานำเสนอรายงานผลการสังเกตการณ์(Notification Report) 4 ฉบับแล้ว เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการไม่ได้ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลง อยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์
นับเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก ว่าการดำเนินโครงการนี้ น่าจะมีปัญหาบางประการ
ล่าสุด ปรากฏว่า มีการแถลงข่าว ชี้แจงรายละเอียดจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการนี้ นั่นคือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) หรือ Gistda (สทอภ.)
สรุปประเด็นข้อชี้แจง ได้ดังนี้
1. สทอภ. ให้ข้อมูลพื้นฐานว่า โครงการ THEOS-2 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 เพื่อการจัดหาดาวเทียมถ่ายภาพเพื่อทดแทนดาวเทียมไทยโชตในปัจจุบันที่ครบอายุการใช้งาน และจัดหาระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการประยุกต์ใช้งานที่ทันสมัยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
พูดง่ายๆ ว่า โครงการนี้ ไม่ใช่เพิ่งคิดทำกันยุคนี้ และมีทั้งส่วนที่เป็นการจัดหาดาวเทียม นำขึ้นวงโคจร บริการภาคพื้นดิน รวมถึงระบบภูมิสารสนเทศ ที่เป็นแอพพลิเคชั่น เพื่อใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียมในด้านต่างๆ ทั้งการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ พิบัติภัย ฯลฯ
2. สทอภ. ชี้แจงว่า กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา หรือ THEOS-2 ซึ่งได้เริ่มตั้งแต่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร สทอภ. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2560 สทอภ.ได้ให้ความสำคัญกับหลักสุจริตและความโปร่งใสในกระบวนการจัดหาตามหลักปฏิบัติสากลมาโดยตลอด
โดยโครงการ THEOS-2 มีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่แตกต่างไปจากโครงการ THEOS-1 ที่ลงนามในสัญญาเมื่อปี 2547 ซึ่งเป็นการจัดซื้อ
โดยวิธีพิเศษที่ซื้อตรงจากบริษัท Astrium
แต่โครงการ THEOS-2 เป็นการจัดซื้อจัดจ้างแบบการประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Competitive Bidding: ICB)
โครงการ THEOS-2 ได้เริ่มดำเนินการมาก่อนที่ พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารงานพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จะบังคับใช้ ดังนั้น การกำหนดวิธีการและขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหาร สทอภ. ตามนัยของมาตรา 128 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการบริหารก็ได้ให้ความเห็นชอบต่อ Instructions To Bidders (ITB) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยได้มีการประกาศและจัดประชุมเพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามแก่ผู้ซื้อซองทุกรายไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560
พูดง่ายๆ ว่า สมัยธีออส 1 เมื่อปี 2547 (ยุครัฐบาลทักษิณ) ทำสัญญากับเอกชนโดยวิธีพิเศษ ซื้อตรงจากบริษัทแห่งหนึ่งเลยด้วยซ้ำ โดยที่ไม่ได้มีการประกวดราคานานาชาติแบบที่ทำกันอยู่นี่เลยด้วยซ้ำ
3. สทอภ.ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในยุคนี้ ได้ใช้แนวทางการจัดหาโดยวิธีประกวดราคาแบบนานาชาติ (International Competitive Bidding: ICB) เปิดโอกาสให้หน่วยงานทั้งของรัฐและเอกชนจากทุกประเทศที่มีศักยภาพสามารถเข้าแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ ITB ที่ สทอภ. ยกร่างขึ้นนั้น ตอบทั้งความต้องการของประเทศ ตามที่ สทอภ. ได้เคยรวบรวมจากหน่วยงานต่างๆ ในช่วงของการพัฒนาโครงการ ตั้งแต่ปี 2554
และเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ให้สิทธิ สทอภ. ในฐานะเจ้าของโครงการในการใช้วิจารณญาณเลือก Successful Bidders ที่ให้ประโยชน์สูงสุดในองค์รวม ซึ่งผลการคัดเลือกปรากฏว่ามีผู้ผ่านการพิจารณาจำนวน 2 ราย จึงแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการล็อกสเปกแต่อย่างใด
4. สทอภ. ย้ำว่า มีเจตนารทำงานตามหลักความโปร่งใส จึงได้เลือกสมัครเข้าโครงการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมของกรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการ ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรมได้สอบถามและขอข้อมูลของโครงการฯ ในแง่มุมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง สทอภ.ไม่เคยเพิกเฉย และได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงในทุกประเด็น รวมทั้งให้ความร่วมมือทุกครั้งในการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแก่คณะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่ห้ามเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เนื่องจากอาจจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
นอกเหนือจากการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงคุณธรรมแล้ว หน่วยงานของรัฐอีกหลายแห่งได้สอบถามและขอข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ THEOS-2 ซึ่ง สทอภ. ก็ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทำนองเดียวกันกับที่ให้คณะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงเพิ่มเติมหรือเสนอแนะให้ยุติการดำเนินโครงการแต่อย่างใด รวมทั้งได้มีการชี้แจงต่อสาธารณชนผ่านสื่อมวลชนด้วย
5. กรณีที่มีผู้เสนอให้มีการเปิดเผยรายงานผลการสังเกตการณ์ (Notification Report) ของคณะผู้สังเกตการณ์นั้น
สทอภ. อธิบายว่า รายงานดังกล่าวมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลทางด้านเทคนิคและอื่นๆ ที่เป็นความลับทางการค้าของผู้ยื่นซองประกวดราคา จำนวน 7 ราย ซึ่งตาม ITB กำหนดไว้โดยสรุปว่า สทอภ. ต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้เป็นความลับ
สำหรับในส่วนของ Statement of Work ที่เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจ้างนั้น ก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการดำเนินการของผู้รับจ้าง ซึ่งในสัญญาได้กำหนดไม่ให้เปิดเผยข้อมูลโดยทั่วไป แต่สามารถเปิดเผยให้กับหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้ตามความจำเป็น
ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง สทอภ. ได้ขอคำแนะนำจากการดำเนินการในส่วนต่างๆ และรับฟังความคิดเห็นจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐมาอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นตอนการลงนามในสัญญาที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้ ก็เพื่อให้กระบวนการและเงื่อนไขต่างๆ ของการประกวดราคา ตลอดจนถึงการบริหารสัญญามีความเป็นธรรม โปร่งใส และถูกต้องทั้งทางด้านเทคนิค ด้านราคา และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
6. คำชี้แจงข้างต้น มีบางส่วนที่รับฟังได้ ก็ยังไม่ทำให้สิ้นสงสัย
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ผู้สังเกตการณ์ 6 ราย ที่แจ้งลาออก เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2561 ประกอบไปด้วย 1. ดร.สุวิทย์ วิบูลย์เศรษฐ์ 2. พล.ต.ต.แสงชัย สุวัฒน์ภักดี 3. นางชไมพร ตันติวงศ์ 4. รศ.ดร.ปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ 5. ดร.ธีรพล กาญจนากาศ และ 6. น.ส.โสตถิยา อ่อวิเชียร
โดยมีการทำหนังสือแจ้งต่อประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ว่า นับตั้งแต่โครงการนี้ เริ่มพิจารณาผลด้านเทคนิค และนำไปสู่การเปิดซองราคา จนกระทั่งคณะกรรมการจัดซื้อมีมติเสนอให้ยกเลิกการประกวดราคา ก่อนจะมีการตั้งคณะกรรมการจัดหาพิจารณาทบทวนและแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาเพิ่มเติม แต่ก็เกิดความขัดแย้งภายในคณะกรรมการจัดหา ผู้บริหารหน่วยงานเจ้าของโครงการจึงได้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาเดิม และตั้งคณะกรรมการจัดหาชุดใหม่ เพื่อเดินหน้าโครงการจนกระทั่งมีการลงนามในสัญญาเป็นทางการ คณะผู้สังเกตการณ์ทั้ง 6 ราย ได้ทำรายงานแจ้งเตือนขั้นตอนการดำเนินงานไปแล้วถึง 4 ฉบับ แต่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่ได้ให้ความสนใจรายงานแจ้งเตือน และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ หากปฏิบัติหน้าที่ต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ จึงขอลาออกจาการปฏิบัติหน้าที่ในโครงการดังกล่าว
จึงน่าติดใจสงสัยว่า ยกแผงลาออกกันเพราะไปเจออะไร?
ทำอย่างไรสังคมจะได้ทราบข้อเท็จจริง?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี