ก่อนหน้านี้ “กวนน้ำให้ใส” ได้ตั้งคำถามถึงความเสียหายจากกรณีสต๊อกน้ำมันปาล์มของบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ว่าตรวจสอบข้อมูลวัตถุดิบคงคลังในระบบของบริษัท พบว่ามีจำนวนไม่ตรงกับวัตถุดิบคงคลังที่มีอยู่จริง
บทความ เรื่อง “2,100 ล้านบาท ของหาย หรือทุจริต?”
ล่าสุด ในรายงานข้อมูลงบการเงิน ไตรมาส 2/2561 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท ได้ลงบันทึกมูลค่าความเสียหาย
จากกรณีดังกล่าวไว้อย่างเป็นทางการแล้ว
1.สาระสำคัญในส่วนที่เกี่ยวกับกรณีข้างต้น ปรากฏในคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ระบุว่า
“จากผลกระทบของปัญหาที่ตรวจพบในกระบวนการจัดหาวัตถุดิบตามที่บริษัท ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561 และวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 นั้น ทำให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลัง จำนวน 2,004 ล้านบาท และบันทึกรายได้ภาษีจากภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจากรายการดังกล่าว จำนวน 84 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 2/2561 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 1,853 ล้านบาท...”
2.ในรายงานการสอบทานข้อมูลทางการเงินของผู้สอบบัญชี ยังระบุด้วยว่า
“ค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลัง
เนื่องจากวัตถุดิบในการผลิตของบริษัทเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาผันผวน บริษัทจึงมีนโยบายควบคุมปริมาณวัตถุดิบคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
ในระหว่างไตรมาสที่ 2 ปี 2561 บริษัทพบว่าปริมาณวัตถุดิบคงคลังในระบบสูงกว่าปริมาณที่มีอยู่จริงในสถานที่จัดเก็บของคู่ค้า นอกจากนี้ ยังรวมถึงส่วนที่บริษัทจัดส่งวัตถุดิบไปให้คู่ค้าเพื่อทำการจ้างกลั่นแต่ปรากฏภายหลังว่าคู่ค้าไม่ได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่จ้างกลั่นให้ตามสัญญา และไม่ส่งมอบคืนวัตถุดิบให้บริษัท
ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคมและเดือนธันวาคม 2560 บริษัทได้มีการตรวจนับปริมาณวัตถุดิบคงคลังจากผลการตรวจนับตรงตามข้อมูลในระบบของบริษัท
ในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกและพบว่าเป็นการกระทำอันมิชอบร่วมกันของคู่ค้าบางรายและพนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของบริษัท
ซึ่งคู่ค้าบางรายดังกล่าว มีความสัมพันธ์กัน
โดยบริษัทมีมติให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสอบสวนทางวินัยต่อพนักงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 บริษัทได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง (ทั้งภายนอกและภายใน) ไปแล้ว นอกจากนี้ บริษัทได้มีการสอบสวนทางวินัยกับพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปควบคู่กัน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทรับรู้ค่าใช้จ่ายจากความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังในงบกำไรขาดทุนรวมและเฉพาะกิจการสำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เป็นจำนวนเงินรวม 2,004
ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกคืนจากผู้ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีการเรียกเก็บเงินที่บริษัทได้รับแจ้งจากบุคคลภายนอกที่ได้รับโอนสิทธิการรับชำระเงินค่าวัตถุดิบไปจากคู่ค้า บางราย ซึ่งบริษัทได้พิจารณาจากเอกสารที่ได้รับแจ้งมาและได้ชี้แจงกับบุคคลภายนอกแล้วว่าเป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในระบบของบริษัทและไม่พบหลักฐานการส่งมอบวัตถุดิบตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าว ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทมีความเห็นว่า ตามบทบัญญัติของกฎหมาย บริษัทไม่น่าจะมีหน้าที่ที่จะต้องชำระเงินค่าวัตถุดิบ หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการส่งมอบวัตถุดิบให้แก่บริษัทตามที่มีการเรียกให้ชำระราคาดังกล่าว เว้นแต่จะมีข้อเท็จจริงชี้ชัดเป็นอย่างอื่น…”
3.บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC มีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ถือหุ้นอยู่กว่า 72%
ขณะที่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) มีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือหุ้นอยู่กว่า 48%
ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ปตท. ก็คือ กระทรวงการคลัง ถือหุ้นอยู่ 51%
เท่ากับว่า บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC มีสถานะเป็นบริษัทรุ่นหลานของ ปตท. หรือรุ่นเหลนของกระทรวงการคลัง
เรื่องนี้ จึงกระทบต่อผลประโยชน์ของแผ่นดินและสาธารณชนโดยตรง
4.ทราบว่า วัตถุดิบที่หายไปนั้น มีทั้งประเภทที่เป็นน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งบริษัทจ่ายเงินค่าของแล้ว จะต้องส่งไปโรงกลั่นเอกชน เพื่อทำให้บริสุทธิ์ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการผลิตของบริษัทให้กลายเป็น B-100
บางส่วน บันทึกว่าจัดเก็บไว้ที่คลังสินค้าของเอกชน
บางส่วน บันทึกว่าจัดส่งไปให้เอกชนกลั่น และยังไม่ได้ส่งคืนมา
ทั้งหมดนี้ มูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท
5.เหตุที่บริษัทจัดซื้อวัตถุดิบ แล้วเหตุใดไม่นำเข้ามาเก็บที่คลังวัตถุดิบของตนเอง เป็นเรื่องที่อาจเข้าใจได้ เพราะวัตถุดิบที่ซื้อนั้น มันยังไม่สำเร็จในตัวเอง ยังจะต้องมีกระบวนการจัดส่งไปกลั่นที่โรงกลั่นเอกชนภายนอกอีกเสียก่อน ถ้าจะสร้างคลังน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทเอง ก็คงจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายอีกจำนวนมาก ทั้งยังต้องขนไป-มา เสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน
แต่เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น บริษัท GGC จะลูบหน้าปะจมูกไม่ได้เด็ดขาด
จะปล่อยให้ใครมาอ้างว่า ของไม่ได้หายไปไหน เดี๋ยวก็มีคนเอามาคืน คงจะไม่ได้
เพราะในกรณีนี้ บริษัท GGC จ่ายเงินค่าน้ำมันปาล์มไปแล้ว บันทึกว่ารับของแล้ว ของเป็นทรัพย์สินของบริษัทแล้ว ใครจะนำไป “เวียนเทียน” หรือ “สวมรอย” กระทำการใดๆ หาได้ไม่ เพราะมันจะต้องถูกเก็บไว้ที่คลังสินค้าตามข้อตกลง เพราะมันเป็นทรัพย์สินของบริษัท GGC
มิใช่ทรัพย์สินของคู่ค้า ที่จะอ้างว่านำไปทำอะไรๆ ก่อนได้
6.ลองนึกดูว่า ถ้าเราเอาเงินไปฝากไว้กับธนาคาร แล้วเราจับได้ว่าเงินในบัญชีเราหายไป
ถ้าธนาคารจะบอกเพียงว่า เอาเงินมาใส่คืนแล้ว แค่ย้ายที่เก็บ จะได้หรือไม่?
ถ้าโจรขโมยควาย แล้วถูกจับได้ ขอนำควายมาคืน จะพ้นความผิดหรือไม่?
ขณะนี้ ยังไม่ปรากฏรายละเอียดว่า บริษัท GGC แจ้งความดำเนินคดีกับเอกชนที่เป็นคู่ค้ารายใด? อย่างไร? ข้อหาใด? เรียกค่าเสียหายเท่าใด?
7.กรณีนี้ เป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารของบริษัท GGC ให้ไปจัดการตรวจสอบเอง จนพบข้อเท็จจริงข้างต้น
อาจส่อแสดงเจตนาเป็นเบื้องต้นว่า มิได้สนับสนุนการทุจริต
แต่สุดท้าย การจัดการกับความเสียหาย และคนที่ทำให้เกิดความเสียหาย จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า บริษัทจริงใจกับการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นส่วนรวมแค่ไหน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี