l ก.พฤติกรรมความสำเร็จ การขึ้นสู่อำนาจรัฐสูงสุด ของคุณทักษิณ มาจากไหน
l 1.ความสำเร็จของทักษิณ มาจาก การมีธรรมาภิบาล หรือ คุณธรรม ฤา ?
อ.ธีรยุทธ บุญมี ได้สรุปชัดว่า ทักษิณนุวัตร (Thaksinization) คือ รัฐบาลทุษิณ (thusinzation) เพราะการได้อำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ มาจากระบบสัมปทานจากคำสารภาพของทักษิณ “หากไม่มีบิ๊กจ๊อด ก็ไม่มีผมในวันนี้” มุ่งสู่การเมืองเมื่อเข้าไปเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และหัวหน้าพรรคพลังธรรม ซึ่งทำให้ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อใช้แนวคิดของพรรคพลังธรรมที่มีอุดมคติ คือ “การไม่ซื้อเสียง และการไม่กล่าวเท็จ” ก็ไม่สำเร็จจึงออกไปตั้งพรรคใหม่ ที่ตนเองบัญชาการเบ็ดเสร็จ และใช้ “แนวทางที่ไม่มีธรรมาภิบาลของตนไปใช้” คือ การใช้เงินทุนและอำนาจสื่อที่ได้มาจากธุรกิจสัมปทาน สร้าง การเมืองสัมปทาน คือ “ซื้อสส. ซื้อพรรคซื้อเสียง และซื้อข้าราชการ จนได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เมื่อมีอำนาจรัฐ (ฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร)ก็ใช้อำนาจสัมปทานสร้างประชาธิปไตยสัมปทาน หรือ กระบวนการทักษิณนุวัตร (Thaksinization)
l 2.การโกหก มดเท็จ ตรงกับ สิ่งที่ อ.ธีรยุทธ ใช้ศัพท์ “รัฐบาลทุษิณ (thusinzation)
➢ เมื่อเริ่มต้นตั้งพรรค ก็เริ่ม “ทุษิณ” คือ ในการไปชักชวนผู้นำผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ของสังคม
“ผมได้จากสังคมมามากแล้วครับ ผมรวยพอแล้วครับ ถึงโอกาสที่ผมจะตอบแทนบุญคุณสังคมแล้วมาร่วมทำงานกับผม เพื่อทำงานให้ประเทศ ตอบแทนสังคม ด้วยกันน่ะครับ ฯลฯ “คนไม่น้อยหลงเชื่อในคารม “ทุษิณ” แต่แล้ว “คนดี” ส่วนมากที่หลงเข้าไปช่วย ก็ถอยออกมากัน
➢ เอาต่อไปถึง “คนในพรรคและพรรคร่วมฯ” ซึ่งแกนนำหลายคนที่ถูกหลอกด้วยคารมและวาทกรรม มาร่วมกับผม จะให้ตำแหน่ง รัฐมนตรี 1 คน ต่อสส. 7 คน ผมจะให้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ปรากฏว่า “จำนวนรัฐมนตรี และตำแหน่ง ได้น้อยลง และไม่เป็นไปตามสัญญา”
➢ การโกหกว่า “ขออนุศาลฯ ไปต่างประเทศ แล้วจะกลับมาสู่คดี” แต่แล้วก็หนีไปอยู่ดูไบ ฯลฯ https://www.thairath.co.th/content/1035200
l 3.การไม่มีธรรมาภิบาล ในการใช้อำนาจรัฐ (เพื่อผลประโยชน์ตนเอง ฯลฯ) และการหนีคดี
การใช้อำนาจในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest)
คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ป คดีธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาท ให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว ฯลฯ
https://www.prachachat.net/facebook-instant-article/news-32885
l ข.ความขัดแย้งของประชาชน พัฒนาการขึ้นสูงสุด จากนโยบายและพฤติกรรมของเขา
ที่ผ่านมา ความขัดแย้งของประชาชน เกิดจากทางความคิดทางผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นลักษณะทั่วๆ ไป เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ แต่หลังจากการปรากฏตัว การเข้าสู่อำนาจของทักษิณ และการคงมีอำนาจสูงโดยผ่านนอมินี ทำให้เกิดความขัดแย้งใหญ่ ที่พัฒนาไปสู่ขั้นเกือบสูงสุด (เป็นสงคราม ที่ยังไม่เกิดสงครามกลางเมืองเท่านั้น) คือ
การใช้พรรคการเมือง มวลชนนักวิชาการ สื่อ องค์กรระหว่างประเทศ ปลุกระดมมวลชน ทั้งในการเลือกตั้ง
การเป็นรัฐบาล การเป็นฝ่ายค้าน (ปี 2552 – 53) เพื่อการเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจ และการช่วงชิงอำนาจ
การใช้คดีทุจริตการใช้อำนาจมิชอบ ไม่ยอมรับผิด ยังกล่าวหารัฐ และเรียกร้องว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม
การใช้อำนาจรัฐทุนสื่อ เข้าแทรกแซง หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม
การใช้อำนาจวาทกรรม ผลประโยชน์สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสานฯ
การมุ่งทำลาย ลดเครดิต ต่อสถาบันหลักของชาติ ทั้งกองทัพ และโดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์
l กล่าวคือ โดยพื้นฐานที่ผ่านมา มีความคิดเห็นของชนชั้นนำและปีกซ้ายบางส่วนในยุค 2475 และหลังตุลา 2516 ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เสนอเป็นคำขวัญว่า “จักรพรรดินิยม ศักดินานิยมและทุนนิยมขุนนาง”
แต่เมื่อได้มีข้อเท็จจริงในอีกมุมมองหนึ่งมากขึ้น และโดยเฉพาะพระราชกรณียกิจต่างๆ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เกิดเข้าใจและความจงรักภักดีต่อสถาบันฯมีมากขึ้น
แต่เมื่อมาถึงยุคทักษิณโณมิกส์ หรือ ระบอบทุนสามานย์ ได้มีการรวมศูนย์ร่วมมือกับกลุ่มซ้ายจัดเก่าบางส่วน
ภายใต้อำนาจทุนเงินสื่อและอำนาจรัฐ ได้มีการรวมศูนย์สร้างวาทกรรมข้อมูลเท็จ การจัดจ้างนักวิชาการ นักวิจัยทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่ขยายเพิ่ม ไปสู่ประชาชนอย่างเป็นระบบและกระบวนการ ทำให้คนบางส่วนเข้าใจผิด
➢ ทำให้ระบอบทุนสามานย์ เกิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติ อันมีผลทำให้ นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชน ที่มีความจงรักภักดี และเห็นในคุณูปการของสถาบันหลักต่อประชาชนและชาติ ไม่ยอมรับระบอบทุนสามานย์และเจ้าของพรรคการเมืองนี้มากขึ้น ทำให้บทบาทของพวกเขาเสื่อมถอยลงหนัก
l ฉะนั้น เราสามารถสรุปได้ว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ ได้รับรู้ถึง พฤติกรรมของพรรคการเมืองทุนสามานย์และการจาบจ้วง, ไม่ยอมรับความเข้มแข็งของสถาบันหลัก หน่วยงานราชการ ตำรวจกองทัพ และกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งชนชั้นนำและประชาชนวงการต่างๆ ที่มีมากขึ้นความเพลี่ยงพล้ำของพรรคการเมืองทุนสามานย์นี้และเจ้าของทั้งพี่ชาย น้องสาว หนีคดีไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาของคณะศาลฎีกาฯ และคดีต่างๆ อีกมากมายทั้งของตัวเจ้าของ พรรคและบริวารของเขารวมทั้งข้อประเมินของ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ “แต่อย่าฝากความหวังไว้กับคุณทักษิณเลย ไม่มีหรอกครับนักการเมืองคนไหนในโลก ที่ออกไปจากวงจรการเมืองเป็นสิบปีเช่นนี้ จะยังมี “เสียง” ดีโดยไม่ตกเลย”ระบบการเมืองการเลือกตั้ง ที่ไม่เอื้อต่อพรรคการเมืองเก่าขนาดใหญ่ จากรัฐธรรมฉบับประชามติ ปี 2560 ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขวิกฤติที่สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย ที่ประชามหาชน 16.8 ล้านเสียงสนับสนุนนักการเมือง พรรคการเมืองที่เคยร่วมรัฐบาลกับเขา เริ่มถอยห่าง และมาร่วมมือกันสนับสนุนพลเอกประยุทธิ์มากขี้น รวมทั้งการก่อเกิดของพรรคการเมืองของประชาชน เช่น พรรครวมพลังประชาชาติไทยที่ทรงพลังฯรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จากการบริหารประเทศมากว่า 4 ปี มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งภายในและต่างประเทศ ได้รับการยอมรับจากประชาชนวงการต่างๆ มากขึ้น
l จากการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาของฝ่ายหนึ่งที่เข้มแข็งขึ้น กับฝ่ายระบอบทุนสามานย์ที่อ่อนตัวเสื่อมทรุดลงย่อมทำให้อนาคตหรือพลังของทักษิณหมดและจบลง อีกด้านหนึ่งย่อมทำให้เกิดความปรองดองเกิดขึ้นได้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี