คนที่ก้าวไม่ข้ามทักษิณในตอนนี้อาจไม่ใช่พรรคฝ่ายตรงข้ามของเพื่อไทย หรือ แม้กระทั่ง คสช. แต่อาจจะเป็นพรรคเพื่อไทยเอง? ในที่นี้เรากำลังพูดถึงเพื่อไทยที่เป็นเพื่อไทย ไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดง เหตุเพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการรวมกลุ่มอุดมการณ์เป็นแนวในการต่อสู้ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป้าหมายเพื่อหวังผลชนะเลือกตั้งเท่านั้น ต้องย้ำว่าชนะเลือกตั้งเท่านั้น เพราะจุดยืนของเพื่อไทยต้องการเป็นรัฐบาล ยิ่งโดยสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ทั้งจากผลประโยชน์ต่างๆ ก็ยังมีปัจจัยอื่นอีกคือเรื่องคดี และนี่คือ หนทางการต่อสู้ทางการเมืองของทักษิณใช่หรือไม่? แล้วแท้ที่จริงเป้าหมายทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยอยู่ที่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือต่อสู้เพื่อทักษิณ? ประชาชนก็มีสิทธิสงสัย?
ในขณะที่หนทางการต่อสู้ของทักษิณขึ้นอยู่กับคดี และการเติบโตของธุรกิจ แต่การเดินทางของพรรคเพื่อไทยกลับขึ้นอยู่กับทักษิณมาโดยตลอดหรือไม่? แม้ในช่วงเวลาที่ทักษิณไม่อยู่แล้วก็ตาม ตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช ที่ได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างนายกรัฐมนตรี ได้รับการโหวตจากสมาชิก ทั้งที่ไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค แถมยังเป็นคู่แข่งขันสำคัญเมื่อครั้งลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ อยู่ๆ ลอยขึ้นมาเป็นนายกฯภายใต้พรรคพลังประชาชนนั้น นั่นก็เป็นเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญปัจจัยเดียวนั่นก็คือนายสั่งมาใช่หรือไม่? ในช่วงท้ายของรัฐบาลนายสมัครหลังจากที่โดนคดี แท้จริงแล้วนายสมัคร สามารถถูกโหวตกลับมาเป็นนายกฯ ได้อีกครั้ง แต่ก็กลับไม่ได้รับเลือก ก็มีคนสงสัยว่านั่นเป็นเพราะคำสั่งนายเช่นกันใช่หรือไม่? ที่สุดท้ายก็ต้องส่งเครือญาติอย่างนายสมชาย แม้จะไม่เป็นนามสกุลเดียวกัน แต่เป็นญาติสนิทที่คนในพรรควางใจได้มาเป็นตัวแทน
แต่ความเป็นตัวแทนในทางเครือญาติ ก็ยังไม่สามารถจัดการได้โดยตรง จนสุดท้ายเกิดปัญหาในที่สุด โดยรัฐบาลสมชาย ถือเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างมีปัญหาในการบริหารงาน ในที่สุดนายสมชายลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบไปในที่สุด และก็เพลี่ยงพล้ำให้กับฝ่ายตรงข้ามคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่สามารถรวบรวมไพร่พลจัดตั้งรัฐบาลได้ในสภาฯชุดเดิม นั้นก็เพราะ สส. ส่วนหนึ่งแยกตัวออกมาตั้งเป็นพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับพรรคร่วมที่แตกแถว
ออกมา จึงทำให้การมาใหม่ภายใต้พรรคที่ชื่อว่าพรรคเพื่อไทย
พรรคใหม่นี้จึงดูเหมือนพึ่งพาทักษิณโดยตรงมากกว่าเดิม จนไม่มีใครน่าจะจำได้ด้วยว่าหัวหน้าพรรคในตอนนั้นชื่อว่าอะไร? เพราะทักษิณได้เข้ามาจัดการภายในพรรคเอง ผ่านทั้งทางน้องสาว และการใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมในการประชุมพรรคและการชุมนุมของมวลชนเสื้อแดงในทุกครั้ง ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่าการวีดีโอลิ้งค์หรือการโฟนอินของทักษิณ ที่ปรากฏในการประชุมผู้บริหารพรรค และการประชุม สส. รวมถึงการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงใช่หรือไม่? พร้อมไปด้วยการจัดตัวแทนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปพบทักษิณที่ต่างประเทศโดยบังเอิญ โดยในช่วงนั้นก็พบว่าทักษิณเองก็เข้ามาอยู่รอบๆ ประเทศไทยเป็นหลัก มีคนตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องของทักษิณในรอบนั้น ได้สร้างความเข้มแข็งในพรรคเพื่อไทยในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องทุนหรือไม่? จนได้กลับมาเป็นฝ่ายรุกในทางการเมืองสำเร็จ
นอกจากนี้ก็มีการปลุกระดมกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านวีดีโอลิ้งค์ซึ่งจะเกี่ยวกันหรือไม่ แต่เป็นผลให้เกิดการบุกทำลายการประชุมอาเซียนเมื่อครั้งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตามมาด้วยการปลุกระดมผู้ชุมนุมโดยนายทักษิณอีกหลายครั้ง สลับกับการวีดีโอเข้ามาในการประชุมผู้บริหารพรรค ที่ไม่รู้จะเกี่ยวข้องกันหรือไม่แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ ปรากฏข่าวการทำลายทรัพย์สินต่างๆ มากมายจากการใช้ความรุนแรงในการชุมนุม อาทิ การปิดและเผาทำลายย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การไล่ตีทุบรถนายกฯในขณะนั้น การจัดชุดวิ่งตามไล่ล่านายกฯตามจังหวัดต่างๆ ของกลุ่มเสื้อแดง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ และร่างกายของคนที่โดนผลกระทบ จนสุดท้ายการปลุกระดมครั้งใหญ่ที่มีคลิปปรากฏโดยทั่วไป กับคำพูดที่ว่า จะกลับมานำทัพเองทำให้ประชาชนคล้อยตามลุกฮือขึ้นตามการปลุกระดมใช่หรือไม่? จนนำไปสู่การก่อจลาจลที่แยกศาลาแดง จนไปถึงการต่อสู้กับประชาชนที่ได้มีส่วนรู้เห็นย่านคลองเตย และนำไปสู่เผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และการเผาศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ปี’53 ทั้งหมดจึงเกิดข้อสงสัยว่า นายทักษิณ มีส่วนร่วมในการสั่งการหรือปลุกระดมหรือไม่?
ในการเลือกตั้งปี’54 ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เพื่อไทยหนีไม่พ้นนายทักษิณ เพราะแม้หัวหน้าพรรคจะไม่ใช่คนจากตระกูลชินวัตร แต่ก็มีการประกาศแล้วในครั้งนั้นว่าเมื่อเลือกตั้งชนะจะยกตำแหน่งให้คนตระกูลชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ แม้จะไม่เคยทำงานการเมืองมาก่อน ไม่ปรากฏการทำงานสังคมจนเป็นที่รู้จักในทั่วประเทศ แต่การปรากฏตัวเพียง 45 วัน จนได้เป็นนายกฯในที่สุด ก็เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ มีนามสกุลชินวัตร ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนายทักษิณ คนเพื่อไทยจึงโหวตให้ ข้ามหัวหัวหน้าพรรคตัวเอง หลังจากนั้นคนที่อยู่ในตระกูลชินวัตรและฝั่งเครือญาติใกล้ชิดก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้มีอำนาจการเมือง ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และภายในพรรค ในเวลานั้นหลายคนมองว่ายากที่เพื่อไทยจะเติบโตกลายเป็นสถาบันการเมืองได้ โดยปราศจากอำนาจบารมีภายใต้เงาระบอบทักษิณ ซึ่งแม้แต่คนในเพื่อไทยเองก็อาจคิดเช่นนั้น การจะได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่น่าจะเกี่ยวกับมติพรรค และแม้ต่อให้เกี่ยวกับมติพรรค มติพรรคนั้นก็จะต้องได้รับการเคาะไฟเขียวจากคนตระกูลชินวัตรมาก่อนใช่หรือไม่? แบบนี้คงจะเรียกว่าประชาธิปไตยสายตรง?
ตลอด 4 ปี ในช่วงรัฐบาล คสช. น่าจะเป็นช่วงที่พรรคการเมืองต่างๆ ได้ฟื้นฟูตัวเอง หรือมองในแง่ดีที่พรรคเพื่อไทย
จะสร้างความเป็นอิสระความเป็นสถาบัน แต่นั่นก็ดูเหมือนไม่ได้เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าตลอด 4 ปี ที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาล คสช. ต้องยอมรับว่าเกิดความระส่ำระสายอ่อนแอลงของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความชัดเจนในการเป็นแตกก๊กเหล่า(ที่ไม่นับมุ้งที่เกิดก่อนพรรคเพื่อไทย) อย่างน้อยๆ ก็มีทั้งกลุ่มคนที่ชื่นชมคุณหญิงสุดารัตน์ กลุ่มคนที่ชื่นชมนายพิชัย อันเป็นคนละกลุ่มกันอย่างชัดเจน นี่ยังไม่นับรวมชื่อที่ลอยมาอย่างนายชัชชาติ หรือแม้กระทั่งนายจาตุรนต์ คนที่นายทักษิณไว้ใจมากก็ตาม ไม่แปลกที่ความอ่อนแอนี้จะนำไปสู่กระแสข่าวเลือดไหลออกไปสู่พรรคต่างๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นพรรคที่ถูกวิจารณ์ว่าดูดมากกว่าถูกดูดใช่หรือไม่? จนทำให้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถึงกับออกมายอมรับกับสื่อว่า “ต้องยอมรับคุณูปการของการเป็นนายกฯทักษิณ มันสำคัญมากที่ทำให้พรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ในใจของประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นแทนที่จะบอกว่าก้าวข้ามก็เป็นเพียงว่าแต่ละส่วนจัดวางสถานะหรือบทบาทอย่างเหมาะสม”
นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของคนเพื่อไทยที่จัดวางนายทักษิณเอาไว้อยู่เหนือทุกคน มีอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง ทั้งที่นายทักษิณไม่มีสถานะใดๆในพรรคก็ตาม แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมบารมีของนายทักษิณจะสามารถจัดการ และศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนเดิม? และดูเหมือนคนเพื่อไทยก็คือคนที่เลือกจะดึงนายทักษิณกลับมาเอง
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หนึ่ง อย่างไรการเลือกตั้งก็เกิดขึ้นแน่นอนไม่เกินกลางปี’62 สอง เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับคนตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะนางสาวยิ่งลักษณ์และนายพานทองแท้ ที่ใกล้เข้ามาทุกวัน ยังมีเรื่องของการส่งตัวดำเนินคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ก็เริ่มเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ สาม ความแตกแยกและกระแสการไม่ยอมรับผู้นำที่ไม่ใช่ตระกูลชินวัตร พรรคก็เริ่มระส่ำระสายตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สงบลง เป็นเหตุให้ทักษิณอดทนอยู่เบื้องหลังต่อไปไม่ได้ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหว ตลอดจนแสดงตัวผ่านสื่อต่างๆ ในและต่างประเทศ ว่าตัวเองอาจกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯอีกครั้ง ตามรอย มหาเธร์ ของมาเลเซีย
จริงๆ แล้วการก้าวไม่ข้ามทักษิณ ของฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่ฝ่ายทหารเอง จะเป็นอยู่จริงหรือไม่? ก็ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเท่ากับคนในเพื่อไทยเอง? เพราะคนที่ยอมทำตาม รับข้อเสนอ หรือเป็นคนดึงทักษิณเข้ามาในระบบทางใดทางหนึ่งที่ทำให้ทักษิณอยู่ในระบบได้ ในอีกด้านคือนายทักษิณเองที่ประกาศวางมือทางการเมืองและไม่ยุ่งเกี่ยวพรรคเพื่อไทยมานับ 10 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2549, 2551, 2552, 2555 และปี 2557 แม้กระทั่งปีนี้ก็ยังพูดอีก แต่ในความเป็นจริงไม่เคยเว้นวรรคทางการเมืองเลย เพราะแม้ตัวจะไม่อยู่ แต่ก็มีการติดต่อมีตัวแทนคอยประสาน ควบคุม อยู่ในพรรคตลอดเวลาใช่หรือไม่? หรือแม้กระทั่งในสัมภาษณ์ด้วยตัวเองก็ตาม การไม่ยุ่งเกี่ยวแต่ปลุกระดมให้สู้ นั่นคืออะไร? แม้กระทั่งการเตรียมผู้นำใหม่ คนเพื่อไทยเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตใครจะมาเป็นผู้นำตัวเอง วิถีนี้ก็ไม่ต่างจากในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์เมื่อมารับตำแหน่ง ก็มีการเตรียมนางสาวยิ่งลักษณ์เอาไว้ จนโค้งสุดท้าย กว่าคนเพื่อไทยจะรู้ก็พร้อมกับที่ประชาชนและสื่อรู้ ครั้งนี้ก็มีกระแสข่าวหลุดออกมาแล้วว่า ว่าที่ผู้นำใหม่น่าจะเป็นเครือญาตินายทักษิณ อันเป็นหลานแท้ๆ ฝั่งพี่สาวตัวเองซึ่งเป็นการส่งสัญญาณแรงเพื่อเรียกความเชื่อมั่น และแม้จะเป็นเพียงกระแสข่าวที่ปรากฏชื่อนายยศชนันออกมาก็สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนสู่บรรดาลูกพรรคที่แตกแถวออกมาได้ อย่างนี้เรียกว่าคนเพื่อไทยก้าวไม่พ้นหรือไม่?
ความเป็นประชาธิปไตยของพรรคเพื่อไทยแบบนี้ทำให้เกิดคำถามออกมามากมาย อาทิ หนึ่ง ถ้าเพื่อไทย ยังคงต่อสู้ทางการเมืองตามการชี้นำของทักษิณไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ที่แม้จะบอกว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องถามว่า ประชาธิปไตยของเพื่อไทยขึ้นอยู่กับประชาชนหรือขึ้นอยู่กับทักษิณ? สอง ถ้าเพื่อไทย ยังคงรอทักษิณให้กดปุ่มทางการเมือง เหมือนกับที่แกนนำเสื้อแดงอย่างนายณัฐวุฒิกล่าวเชื้อเชิญ ก็ต้องถามว่าความรุนแรงแบบปี’52 และ’53 จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่? โดยเฉพาะปีหน้าที่ประเทศไทยจะเป็นประธานการประชุมอาเซียน จะเกิดเหตุการณ์ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งแกนนำเสื้อแดงถล่มการประชุมอาเซียนเมื่อปี’52 ตามคำชี้นำในวีดีโอลิ้งค์ของทักษิณก่อนหน้านั้นหรือไม่? ทำให้กังวลว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะกลับมาเกิดในปีหน้าที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในการประชุมอาเซียนอีกหรือไม่? ถ้าสุดท้ายทุกอย่างออกมาตามรูปแบบนี้จริง คนที่ก้าวไม่ข้ามนายทักษิณ ชินวัตร ก็คงไม่ใช่ศัตรูของนายทักษิณ ชินวัตร และสุดท้ายก็ไม่แปลกถ้าหากจะมีคนตั้งคำถามว่า ถ้าเพื่อไทย ยังคงให้ทักษิณสั่งการและควบคุมพรรค คสช. คงต้องมาพิจารณาว่าขัดต่อกฎหมายกกต.หรือไม่?
“วาจาบางประการ หากแม้นกล่าวออกไปแล้ว มิเพียงบันดาลให้ตัวเองต้องเสียใจเท่านั้น
ยังให้ผู้อื่นยากจะทนทานได้ด้วย” จากเรื่องฤทธิ์มีดสั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี