“ทุกข์ บ่ มีเสื้อผ้า
ฝาเฮือนพอได้ ซุ่น อยู่
ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ
นอน สี่ อยู่ บ่ เป็น”
ข้อความข้างต้นเป็นคำพูดพื้นบ้านของผู้คนในภาคอีสานบ้านเราในขณะนี้ มีความหมายว่า “ทุกข์ไม่มีเสื้อผ้า ฝาเรือนพอได้ซ่อมอยู่ ทุกข์ไม่มีข้าวใส่หม้อ นอนหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้” นั่นเอง
เป็นคำพูดที่สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของคนไม่มีจะกินในขณะนี้ว่า จะหลบนอนอยู่ที่ไหนก็ไม่สามารถหลบให้พ้นความหิวได้ ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวนี้กำลังขยายตัวออกไปในทุกภาคของประเทศ คนยากคนจนที่ไม่มีข้าวจะใส่หม้อนั้นมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เป็นที่มาของคำว่า “รวยกระจุก จนกระจาย”อย่างที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่ในขณะนี้
ความยากจนที่กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆในประเทศของเราขณะนี้ ถ้าผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง จะมีความใส่ใจอย่างจริงจังในการจัดการด้วยวิธีการที่ถูกต้อง โดยไม่ใช้การแก้ไขแบบ “วิธีการตลาด” อย่างที่ชอบทำกันอยู่ในขณะนี้ ก็ยังพอหวังว่าคนยากคนจนทั้งหลายที่ “ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ” จะมีข้าวกินโดยไม่ต้อง “นอน สี่ อยู่ บ่ เป็น” อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
การแก้ปัญหาความยากจนแบบการตลาดนั้น เคยทำกันมาแล้วโดยเฉพาะในยุคสมัยของนักโทษหนีคุกคนนั้น ซึ่งในสมัยนี้ก็ยังดำเนินการในรูปแบบการตลาดอีก ไม่ค่อยจะแตกต่างกัน
คนยากคนจนขาดเงินก็เอาเงินหลวงไปให้กู้ยืม เมื่อมีเงินหมุนเวียนในตลาด ก็นำมาประกาศโฆษณาว่าประเทศกำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือเศรษฐกิจกำลังดีขึ้น
หมู่บ้านใดไม่มีเงินก็เอาเงินหลวงไปตั้งเป็นกองทุนหมู่บ้าน ชาวบ้านก็กู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้านไปใช้ ทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีรายได้จากการทำมาหากินด้วยตนเองจริงๆ เป็นการเอื้ออาทรแบบการตลาด
ไม่รู้จักคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ตามแนวทางของ “ศาสตร์พระราชา” ที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนของชาวบ้าน
คนยากคนจนในบ้านเราขณะนี้ แบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ กลุ่มลูกจ้างในสาขาอาชีพต่างๆ กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มคนนอกวัยทำงาน กลุ่มคนที่มีปัญหาทางสังคมและกลุ่มเกษตรกร
ทั้ง 5 กลุ่มดังกล่าวนี้ เกษตรกรเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศ
เกษตรกรในประเทศขณะนี้มีจำนวนร่วมครึ่งหนึ่งของคนในประเทศ เป็นกลุ่มที่เป็นผู้ผลิตอาหารเลี้ยงคนในประเทศ แต่คนเหล่านี้ยัง “ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ”
นอกจากนี้ ผู้คนในภาคอาชีพระดับล่างอีกหลายสาขา โดยเฉพาะคนทำมาหากินในระดับล่างเช่นพ่อค้าแม่ขายหาบเร่ตามถนน หรือลูกจ้างแรงงานตามบริษัทและโรงงานต่างๆ ขณะนี้ ต้องตกงานเพราะบริษัทหรือโรงงานต้องปิดกิจการจากภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจยืนต่อไปได้ แม้กระทั่งผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ที่มีจำนวนมาก ไม่มีงานทำเพราะกิจการต่างๆต้องปิดตัวเองดังกล่าว สิ่งต่างๆเหล่านี้ปรากฎให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆในบ้านเมืองของเรา
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคน “ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ” ทั้งสิ้น
นี่คือภาวการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเราปัจจุบัน
คนยากคนจนดูจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีผู้คนบางส่วนซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของประเทศกลับร่ำรวยขึ้น โดยเฉพาะนักธุรกิจบางรายที่ร่วมมือกับผู้มีอำนาจในการบริหารปกครอง ทำกิจการในโครงการต่างๆ ของรัฐด้วยวิธีการแบบฉ้อฉล และมีผลประโยชน์ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่บางคนในระดับสูง นำผลประโยชน์ที่ได้แบ่งปันซึ่งกันและกัน คนเหล่านี้ไม่เคยรู้จักคำว่า “ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ” แม้แต่นิดเดียว
เห็นภาวการณ์ต่างๆดังกล่าวนี้แล้ว ทำให้นึกถึงประโยคที่เคยพูดมาให้ฟังแล้วที่ว่า “แม้โอกาสจะอำนวยให้ แต่ถ้าไม่ต้องด้วยใจคนแล้ว ผู้ปกครองก็ปกครองไม่ได้ เพราะผู้ใต้ปกครองคือประชาชนจะไม่ยอมให้ปกครอง” ไม่ว่าจะมีอำนาจสักเท่าไหน
อำนาจที่ได้มาเพราะโอกาสอำนวยให้นั้น ไม่ใช่คำตอบที่ว่าจะอยู่ได้อย่างราบรื่น เพราะแท้จริงแล้ว “อำนาจอยู่ที่ราษฎรเชื่อถือ” ถ้าราษฎรหรือประชาชนไม่เชื่อถือเสียแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะอยู่ได้ คงต้องจบลงเร็วเหมือนผีพุ่งไต้บนท้องฟ้า
ปมเงื่อนสำคัญของความล้มเหลวในการปกครองบ้านเมืองนั้น อยู่ที่หมู่คณะของผู้ปกครองว่าเป็นอย่างไร ได้รับความเชื่อถือในความซื่อสัตย์สุจริตมากน้อยแค่ไหน มีจิตใจเสียสละเพื่อทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และรักประชาชนอย่างจริงใจมากน้อยแค่ไหน
เพียงคำพูดที่ว่า “คืนความสุขให้ประชาชน” ยังไม่พอ
การรู้จักแยกแยะความผิดความถูกในการจัดการบริหารปกครองบ้านเมืองเพื่อให้เกิดความสงบสุขเรียบร้อย เกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เป็นบ่อเกิดสำคัญของคำว่า “ต้องด้วยใจคน” หรือ “ไม่ต้องด้วยใจคน”
เมื่อหันมาดูความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ในบ้านเมืองขณะนี้แล้ว ความรู้สึกที่ดีในการเข้ามาได้อำนาจในการบริหารบ้านเมืองด้วยการรัฐประหารครั้งนี้ มีทิศทางไปในทางบวก แต่ในขณะนี้ไม่ใช่ เพราะความรู้สึกดังกล่าวถูกตีกลับไปในทางลบ ความอึดอัดใจ ความไม่ชอบใจ กำลังถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ จากผลการทำงานหลายอย่างที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในเรื่อง “ทุกข์ บ่ มีข้าวใส่หม้อ”
เป็นกรรมที่ผู้คนส่วนใหญ่ในบ้านเมืองกำลังประสบอยู่
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี