เดือนที่ผ่านมาตลอดเดือน คอลัมน์ของผมว่ากันไปด้วย
การย้อนอดีตวิกฤติต้มยำกุ้ง กับบุคคลที่คลุกคลีในวงการการเงินจริงๆ และอยู่เรื่อยมา ผ่านร้อนหนาวมาจนถึงทุกวันนี้ กับคุณบรรยง พงษ์พานิช แขกรับเชิญประจำของคอลัมน์นี้
วันนี้ ขออนุญาตพาทุกท่านกลับไปที่ “จำนำข้าว” ครับ
อ้าว! ยังไม่จบอีกหรือ!? ตอบสั้นๆ ได้เลยครับว่า ยังไม่จบ และอีกยาว !! สรุปง่ายๆ คือ โกงจริง โกงแน่โกงแบบไม่ไว้หน้าใคร หยามตั้งแต่ชาวนาที่เป็นฐานเสียงตอนออกนโยบาย ตันละ 15,000 บาท หยามไปจนกระทั่งชาวนาฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้เงินค่าข้าว เพราะตัวเองขายไม่ออก เอาเงินไปโกง แล้วพอโดนตัดสินเข้าคุก ตัวเองผู้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารข้าว ผู้ออกนโยบายมาด้วยลายเซ็นตัวเองกลับมีตำรวจคู่ใจพาหนีออกนอกประเทศ แถมยังมีตำรวจคู่กายคอยประกบดูแลด้วยเงินภาษีของประชาชนอีกต่างหาก
วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศเกิดขึ้นได้หลายกรณีครับ จากปัจจัยภายนอกก็อย่างตอน วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่มีวิกฤติสินเชื่อบ้านลุกลามบานปลายมาจากฝั่งของสหรัฐฯ ภาคการเงินพังจนมีบริษัทการเงินและธนาคารระดับโลกปิดตัวไประนาว ส่วนวิกฤติจากภายนอกผสมกับภายใน ก็อย่างวิกฤติต้มยำกุ้ง ใช่ล่ะครับ สรุปจากคุณบรรยงก็คือ เราทำตัวเองก่อน จนฟองสบู่พองโต แล้วมันก็แตก แล้วก็โดนซ้ำด้วยปัจจัยภายนอกอีกหลายประการ กว่าจะพยุงได้ใช้เวลาครึ่งทศวรรษ
แต่ปัจจัยที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือ ปัจจัยภายใน ที่ยิ่งกว่าสนิมจากเนื้อในก็คือ การที่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศด้วยนโยบายที่หลอกลวงเหมือนการชักศึกเข้าบ้าน อย่าง “จำนำข้าว” ที่ว่าก็ว่าแล้ว มาจากแนวความคิดของทักษิณ อดีตนายกฯ ผู้เป็นนักโทษหนีคุก หนีศาลหลายคดี ที่มีสโลแกนว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”
จำนำข้าว ในรอบที่เขาโกงกันไปด้วยเม็ดเงินภาษี 9 แสนล้าน เจ๊งแน่เกือบ 7 แสนล้าน เสียหายอันเป็นจำนวนให้ไปคำนวณจนต้องชดใช้ 2 แสนกว่าล้าน มีอีกหลายแง่มุม
ที่คนมองข้ามไปมากนักครับ
ตัวอย่างเช่น อคส. องค์การคลังสินค้า และ อ.ต.ก. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร สองหน่วยงานที่เหมือนจะเป็นจำเลยสังคมในช่วงรัฐบาลเพื่อไทย เพราะทำหน้าที่ในการเก็บข้าว และส่วนของข้าวเน่า ข้าวระบายไปแบบโกงๆ ไม่ว่าจะจีทูจี จนถึงโกงข้าวถุงแจกคนจน ก็ต้องผ่านมือของสองหน่วยงานนี้ทั้งสิ้น
ล่าสุดคนในอ.ต.ก.เอง คุณ Witawat Jayapani ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊คว่า…ประชุม อ.ต.ก แก้ปัญหาจำนำข้าว
เพราะอ.ต.ก.โดนคำสั่งรัฐบาลเก่าให้เป็นตัวกลางในการเก็บข้าวและจำหน่ายข้าว แถมมีคำสั่งมาด้วยว่าต้องขายให้ใคร ผลคือต้องซื้อแพงตามราคาประกัน (กรณีนี้ผมขอเสริมครับว่า โดยหลักการแล้ว การจำนำข้าว 15,000 บาทคือไม่ใช่หลักการประกัน แต่เป็นการขายขาด และไม่ใช่การจำนำ ส่วนในเรื่องของการแทรกแซงราคาเข้าข่ายการประกัน ที่เลวร้ายกว่านั้นคือการประกันที่เกินราคาตลาดไปเกือบเท่าตัว) แต่ขายไม่ได้ราคาตามแนวคิดเบื้องต้น คือ ไม่ได้เก็บไว้จนราคาตลาดสูง แต่โดนใบสั่งให้ขาย (ซึ่งเป็นที่สงสัยว่า คนซื้อ คือพรรคพวกใคร) พอขายไปแล้วเก็บเงินไม่ได้อีก ขาดทุนเละ (ตรงนี้ขอเสริมอีกว่า นี่แหละคือการย้ำชัดว่า นโยบายนี้ถูกเอ็นจีเนียร์ความคิดออกมาเพื่อ “โกง” ไม่ใช่เพื่อคนจน เพื่อชาวนา เพื่ออะไรที่แอบอ้างมาตลอด เพราะทั้งเจ๊ใหญ่ไปถึงลิ่วล้อปลายแถว โกงกันสนั่นเมือง ถึงขนาดว่ามีอีก 882 คดี รอเข้าคิวให้ อ.ต.ก.ฟ้อง)
อ.ต.ก. ต้องตามฟ้องนับร้อยคดี เสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินกฎหมายมากมาย ถ้าคดีไหนชนะและได้รับเงินค่าข้าว จึงจะหักค่าคดีออกจากเงินค่าข้าวที่เก็บได้ ซึ่งคดีส่วนใหญ่กลายเป็นหนี้สูญ ต้องเสียค่าดำเนินการฟรีหลายสิบล้านบาท
ที่น่าสงสารกว่า คือ คนชั่วมันฟ้องก่อน ฟ้องเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.เรื่องปล่อยข้าวออกผิดระเบียบ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นไม่ให้เข้าตัว ทั้งที่ทำตามคำสั่งเบื้องบน มีเจ้าหน้าที่โดนสอบสวนและต้องคดีอยู่เป็นร้อยคน ขึ้นศาลกันเป็นว่าเล่น
ทั้งเวลาที่ต้องแก้คดี และต้องมาดูแลขั้นตอนการเก็บรักษา-จำหน่ายข้าวที่ไม่ทำกำไร ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีเวลาเพียงพอในการบริหารตลาด หรือสร้างงานที่เกิดประโยชน์ ทำให้ อ.ต.ก. ต้องขาดทุนหลายปี ไม่สามารถเอาตัวเลขหนี้สูญออกได้ ยังค้างคาเป็นหนี้ที่เก็บไม่ได้มาเกือบสิบปี เพราะระเบียบราชการอันยุ่งยาก
สมควรมั้ยล่ะที่ต้องถูกปฏิวัติ เล่นคิดนโยบายเข้ากระเป๋าแบบนี้ แถมยังรังแกเจ้าหน้าที่คนทำงานอีกนับร้อยก็หวังว่าปีนี้จะแก้ไขกันได้ และทำให้อ.ต.ก.มีกำไรเป็นปีแรก
ขอสาปแช่งคนชั่วที่เอาข้าวไปขายฟรีๆ โดยไม่จ่ายเงิน รวมทั้งคนที่อยู่เบื้องหลังความชั่วนี้ทุกคน ขอให้มันต้องไปกินข้าวในคุกตลอดชีวิต
ข้าราชการที่เกี่ยวข้องท่านก็โพสต์เอาไว้ประมาณนี้ล่ะครับ
ย้อนไปในเรื่องคดีความกันบ้าง คดีที่ปิดไปแล้วคุกจริงๆ แล้วก็มีคดีการ โกงจีทูจี หรือการเอาข้าวจากจำนำข้าวไปขายให้จีนปลอมๆ รับเงินเวียนเทียนกันเป็นระบบจนเป็นเหตุให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องหนีออกนอกประเทศเพราะมีส่วนรู้เห็นตามคำพิพากษาของศาล แต่ไม่ยับยั้ง ก็ยังมีคดีทางแพ่งกับคนในกระบวนการจำนำข้าวในส่วนอื่นๆ อีก และอายุความในกรณีนี้มีและจะหมดอายุในเดือนกรกฎาคมปีหน้า
อย่างที่ได้กล่าวไป คดีที่พ่วงต่อจากความเลวร้ายของจำนำข้าวในที่นี้มีจำนวนมหาศาลถึง 884 คดี จาก 244 สัญญาซื้อขาย มูลค่าความเสียหายหลักแสนล้านบาทเช่นเดียวกัน
ซึ่งกรณีนี้เป็นอีกส่วนที่แยกจากกรณีความเสียหายจากเรื่องของจีทูจี ผลของมันในทางร้ายต่อประเทศก็คือว่า ถ้าฟ้องไม่ทัน หรือทำสำนวนไม่ดี มูลค่าเสียหายก็จะไม่ได้คืน อคส. อ.ต.ก.ก็จะเสียเงินค่าทำกฎหมายเปล่า เก็บเงินคืนจากพวกคนชั่วก็ไม่ได้ คนชั่วลอยนวลจากนโยบายหากินทางการเมือง
ร้อนไปถึงวงในครม.ที่ต้องออกจดหมายให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ที่คุมเรื่องนี้โดยตรง มีจดหมายจากรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี “ขอให้เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการฟ้องร้องคดี” ไปเมื่อเดือนมิถุนายน ว่า ให้ทำให้เสร็จภายในธันวาคม เราๆ ท่านๆ ก็ต้องจับตากันดูล่ะครับว่า จะทำได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร
แต่จดหมายที่ออกมาจากรองเลขาฯ ครม.ฉบับนี้ส่วนตัวผมชอบท่อนลงท้ายมาก เขียนว่า “หากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใด ปล่อยปละละเลยจนคดีขาดอายุความ ถือเป็นความบกพร่องของหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐนั้น” ตรงนี้อยากให้มีการเคร่งครัดเร่งรัด เอาคุณเอาโทษตามกฎหมาย ให้ได้แบบนี้ทุกๆ กรณี ประเทศไทยเราจะดีขึ้นไม่น้อยครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี