แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn ในสมัยปัจจุบันเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป สถานการณ์บ้านเมืองเรียกร้องและบังคับให้ผู้หญิงออกทำงานนอกบ้านมากขึ้น ผู้หญิงไทยก็ปฏิบัติได้ดีด้วยความนุ่มนวล ละมุนละไม ไม่เกิดความกินแหนงแคลงใจภายในครอบครัว ถึงจะทำงานมากสักเท่าไรเว้นวรรคผู้หญิงไทยก็ยังฉลาดยึดถือการปฏิบัติทางสายกลางไว้ ทำตนให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม คิดหน้าคิดหลัง รู้จักพินิจพิจารณาเหตุการณ์ ดังที่ผู้หญิงไทยในอดีตปฏิบัติมาแล้วแต่โบราณกาล ขอสรุปสั้นๆ ว่าผู้หญิงไทยเราเก่ง แต่ไม่ทำอวดเก่ง...(พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในโอกาสเสด็จฯ ทรงเปิดงานเคหศิลป์ ครั้งที่ 7 ณ สวนลุมพินี วันที่ 5 กรกฎาคม 2512)...
nn ถึงแม้ในขณะนี้รัฐบาลจะยังไม่ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปให้ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นในวันเดือนและปีใด แต่ กกต. ได้ให้ข่าวว่าอาจจะมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ในวันที่ 4 มกราคม 2562 โดยอาจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562...
nn ผู้ที่ให้ข่าวว่าอาจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 คือรองเลขาธิการ กกต. ชื่อ ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล...
nn ส่วน กกต. ปกรณ์ มหรรณพ โฆษณาว่า กกต. ชุดนี้ จะให้ความสุจริตเที่ยงธรรมตามกฎหมาย เพื่อจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม และบอกว่า “ผมจะทำให้คนที่ไม่สุจริตและคนโกงไม่ได้เข้าไปอยู่ในสภาและเข้าไปบริหารบ้านเมือง”...
nn เมื่อ กกต. กล้าประกาศเช่นนี้ ประชาชนก็จะคอยจับตารอดูว่า คำประกาศของ กกต. จะเชื่อถือได้หรือไม่มากน้อยเพียงใด...
nn นักธุรกิจและนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ได้คุยกับ ธรรมกร ต่างบ่นเหมือนๆ กันว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในบ้านเมืองของเรายังคงเกิดขึ้นเหมือนในยุคที่มีผู้บริหารประเทศมาจากการเลือกตั้ง...
nn ธรรมกร ถามพวกเขาต่อไปว่า ในเมื่อหัวหน้ารัฐบาลคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศแทบจะเช้าเย็นว่าประเทศไทยจะต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น แล้วเหตุใดการทุจริตจึงยังเกิดขึ้นอยู่อีกพวกเขาตอบว่าแล้วมีหัวหน้ารัฐบาลชุดไหนบ้างที่บอกว่าจะไม่ปราบปรามการทุจริตแล้วประเทศไทยเคยปราศจากเหตุฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือไม่โปรดคิดเอาเอง...
nn มีเสียงบ่นเสมอๆ ว่า หัวหน้ารัฐบาลที่ชอบประกาศว่าจะขจัดและกวาดล้างการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ไม่สามารถจัดการกับคนรอบตัวเองที่มีพฤติกรรมทุจริตฉ้อฉลได้ ก็เท่ากับเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า แต่สุดท้ายน้ำลายก็ตกใส่หน้าตัวเอง...
nn ใครๆ ก็รู้กันทั่วว่า บิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ บิ๊กตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปรียบเสมือนคอหอยกับ
ลูกกระเดือก ฆ่ากันไม่ตาย ขายกันไม่ขาดต้องอุ้มชูดูแลกันไปตลอดชีวิตแต่ความเข้าใจดังกล่าวอาจจะไม่เป็นจริงเสียแล้วหลังจากมีข่าวว่า บิ๊กตู่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งรื้อใหญ่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ หรือ คตช. แล้วปรากฏว่ารายชื่อของบิ๊กป้อมหลุดหายไปจากตำแหน่งที่ปรึกษา คตช. เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจกับการที่นักข่าวและคนในทำเนียบรัฐบาลจะเห็นภาพความห่างเหินกันระหว่างพี่น้องคู่นี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา...
nn วิญญูชนในสังคมไทยที่ติดตามข่าวเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น ต่างวิจารณ์บิ๊กป้อมอย่างตรงไปตรงมาว่า มีภาพลักษณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะกรณีปัญหานาฬิกาหรู จำนวนหลายเรือน และเรือนละหลายๆ ล้านบาท ที่ไปปรากฏอยู่บนข้อมือของบิ๊กป้อมครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้ออ้างที่แสนจะไม่น่าเชื่อถือของผู้สวมนาฬิกาแสนแพงก็คือเป็นนาฬิกาที่ยืมมาจากเพื่อน แล้วเพื่อนก็ตายไปแล้ว...
nn ธรรมกรขอบอกตรงๆ ว่าทุกครั้งเมื่อไปประชุมข่าวกับนักข่าวต่างประเทศ นักข่าวต่างชาติก็จะถามเสมอๆ ว่า เรื่องนาฬิกาหรูราคาแพงที่ยืมมาจากเพื่อนเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยยังอยู่ดีมีสุขอีกหรือแล้วคนไทยเชื่อคำอ้างดังกล่าวหรือ...
nn ธรรมกร ตอบนักข่าวต่างชาติไปว่า คนไทยที่มีสติปัญญาและรักความถูกต้องไม่เคยเชื่อถือข้ออ้างและคำแก้ตัวดังกล่าว
แม้แต่น้อย แต่ดูเสมือนว่า หน่วยงานที่ทำหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทยจะเชื่อถือ รวมถึงดูเสมือนว่าผู้นำสูงสุดการเมืองของไทย ก็คงจะเชื่อเพราะไม่เห็นว่าผู้ที่ถูกประชาชนจับตามองเพราะไม่เชื่อในความสุจริตยังอยู่ดีมีสุขและมีตำแหน่งแห่งที่เหมือนเดิม...
nn นักข่าวอินโดนีเซียหลายคนที่พบกับ ธรรมกร เมื่อสัปดาห์ก่อนถามด้วยว่า แล้วหน่วยงานด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตของไทยไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือว่าเลือกปฏิบัติ ธรรมกร จึงตอบไปว่า จะนำคำถามนี้ไปถามผู้บริหาร ป.ป.ช. ให้ก็แล้วกัน ส่วน ป.ป.ช. จะตอบอย่างไรก็ต้องรอฟังคำตอบเอาเอง พูดเสร็จแล้ววงสนทนาก็ส่งเสียงหัวเราะด้วยความขมขื่น...
nn ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องอินโดนีเซียแล้ว ก็ขอเล่าให้ฟังว่าอินโดนีเซียในวันนี้เจริญก้าวหน้ามากจนทำให้นานาชาติต้องหันไปให้ความสนใจ ประมาณกันว่าในอีกไม่เกิน 30 ปี เศรษฐกิจของอินโดนีเซียจะเติบโตอยู่ในอันดับสี่หรือห้าของโลก ปัจจุบันรายได้ต่อหัวประชากรของอินโดนีเซียอยู่ที่อันดับห้าของอาเซียนตกปีละ 3,649 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 121,000 บาท...
nn เรียงลำดับรายได้ต่อหัวประชากรในอาเซียน ในปัจจุบันคือ อันดับหนึ่งสิงคโปร์ 50,714 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยบรูไนดารุสซาลาม 36,521 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยมาเลเซีย 8,617 ดอลลาร์สหรัฐฯ และตามมาด้วยไทย ในอันดับสี่ 5,281 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 2,255 ดอลลาร์สหรัฐฯ เวียดนาม 1,326 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลาว 1,204 ดอลลาร์สหรัฐฯ กัมพูชา 934 ดอลลาร์สหรัฐฯ และปิดท้ายด้วยพม่า 804 ดอลลาร์สหรัฐฯ...
nn เพราะฉะนั้นจึงอยากขอฝากบอกคนไทยที่ยังหลงตัวเองและชอบดูถูกประเทศเพื่อนบ้านว่าด้อยพัฒนาล้าหลัง ขอได้โปรดทบทวนตัวเองเป็นการด่วน และจงรู้ไว้ด้วยว่าในอีกไม่ช้าไม่นานประเทศเพื่อนบ้านหลายๆ ประเทศจะก้าวล้ำนำหน้าประเทศไทย ถ้าหากประเทศไทยยังเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกทำงานด้วยปากและยังคงเป็นสังคมที่ไม่แสวงหาความรู้เหมือนเช่นทุกวันนี้...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี