l ณ วันนี้ 13 พฤศจิกายน 2572 ชายชราวัย 80 ปี จัดงานฉลองให้กับตนเอง ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๘ ค่ำ เดือนสิบสอง (๑๒) ปีระกา ภุมวาร(ภ) กัตติกมาส เอกศก จุลศักราช 1391, คริสตศักราช 2029, มหาศักราช 1951 รัตนโกสินทร์ศก 248, สุริยคติ เป็น ปกติสุรทิน, จันทรคติ เป็น อธิกมาส ปกติวาร @ เป็นการจัดงานวันเกิดครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิต : ไม่เคยจัด เพราะ ถือว่า “ทุกวันสำคัญอยู่แล้ว” และทั้งที่ เป็นคนเรียบง่าย ประหยัดมัธยัสถ์ แต่ เพื่อรำลึกถึงอดีตการต่อสู้ที่แสนยากเย็น และเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวและใกล้เคียง ก็เหลือน้อย เต็มทีแล้ว นับนิ้วได้ : 1 2 3 4 5 ……แต่ไม่อยากเอ๋ยนาม เพราะ “เขาจากไปแล้ว” ด้วยปัญหาสุขภาพ อุบัติเหตุ และตรอมใจที่ไม่สมหวัง
l เอาล่ะนะ ข้ามเรื่อง ไปเลย ไปถึง วันย้อนหลังไป 10 ปี คือ ปี 2562 เดือนกุมภา ที่มีการเลือกตั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้ง การต่อสู้ทางการเมืองครั้งสำคัญเพราะ “เป็นการเดิมพันด้วยชีวิตอนาคต” เกิด พัฒนา แตก ดับ “ของพรรคเก่า และพรรคใหม่” เสียงสมหวัง ตะโกนโห่ร้องยินดี - อาการโกรธ ไม่สมหวัง “เกลื่อนถนนบางพรรคที่หวังใหญ่คาดโต ถึงกลับประกาศ “ไม่ยอมรับ ผลการเลือกตั้ง” เพราะเข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) มีคนยิ้ม “กูบอกแล้ว” แล้วอ้าง ดร. จากเชียงใหม่ ที่พูดชัด “คนหนีไปต่างประเทศ 10 ปี ไม่มีทาง”
l ขออนุญาตรักษาน้ำใจ ไม่บอกชื่อพรรค แต่เอาภาพรวม ที่ให้ไปคิดต่อกันเอง
1.คะแนนพรรคที่ได้ เกิน ร้อย คือ 120-150 สส. มี อยู่ 2 พรรค
2.พรรคที่ได้ 30-50 มี 3 พรรค
3.พรรค 15-25 มี อยู่ 5 พรรค
4.พรรค ต่ำ 10 มี อยู่ร่วม 5 พรรค
5.พรรค ต่ำ 3 มี 10 พรรค
l บอกต่ออีกหน่อย ก็ได้ ในเรื่องที่สำคัญ และเรื่องที่มีผลต่อการเลือกตั้ง
1.พรรคเก่า ที่เป็นพรรคใหญ่ ยอดจำนวน สส. และคะแนน รวม หายไป 30-50% เป็นผลของ รัฐธรรมนูญฉบับประชามติ และการออกไปของสส.เก่า เพราะ “ถอดใจ-เบื่อ” ไม่มีการปฏิรูปพรรค เป็นพรรคมีเจ้าของ “การซื้อเสียง สื่อ Fake News” ไม่ได้ผล : คนรู้ทันและผลจากคดีทางการเมือง ใช้อำนาจเผด็จการในสภาตอนลักหลับฯ และคดีอื่นๆ
2.ประเด็นที่เป็นกระแสการเลือกตั้ง เปลี่ยนไป จาก “เอาหรือไม่เอา พรรครัฐบาล” เป็น “ต้องการปฏิรูป ไม่เอาระบบทุนสามานย์ พวกจาบจ้วง” vs “เอาทักพรรคเพื่อไทย” ประเด็นอื่นเป็นรอง : ผลจาก “ทักและบริวาร เคลื่อนใหญ่ ทุ่มทุน คน สื่อ หวังกลับมาครองเมือง”
3.ประชาชนเรือนล้านๆ ที่ออกมาชุมนุม ให้โอกาสแก่พรรคใหม่ ที่เป็นความหวังของประชาชน
4.พรรคการเมืองใหม่ ที่เป็นพรรคเล็ก เปลี่ยนใจ ยุบมารวมกับ พรรคที่อุดมคติและมีศักยภาพ
5.บทบาทของ หน่วยงานองค์กรเชิงสถาบันฯ และประชาชนจิตอาสาฯ มีบทบาทมาก พอสมควร
l จะให้บอกไหมว่า “พรรคใด ได้จัดตั้งรัฐบาล และ ใครเป็นนายกรัฐมนตรี” อย่าเลยดีกว่า ถ้าใครอ่านแล้ว ตีความ ไม่ได้ ก็ถือว่า “ไม่ใช่ผู้สันทัดทางการเมืองแล้ว”
l การเมือง ในช่วง 10 ปี 2562 - 2572 มีการเลือกตั้ง รวม 3 ครั้ง และไม่ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย โรงเรียนเตรียมทหาร หรือ มหาวิทยาลัยของรัฐใดๆ ยังมีกระแส ของการไม่พอใจ ไม่สมหวัง “ทั้งพรรคใหญ่และพรรคกลาง” ก่อกวน เป็นระยะรวมทั้ง กลุ่มมวลชนสังกัดพรรค พวกที่อ้างเป็นภาคประชาชน และองค์กรสิทธิมนุษยชน และสื่อในสังกัด รวมทั้งจากองค์กรระหว่างประเทศ ฯลฯ ข่าวดีข่าวร้าย ต่อคนที่ได้และเสีย คือ “เขา” และ “บางคน” จากไป ด้วยสุขภาพ หรือ อุบัติเหตุ พรรคใหญ่ : เป็นพรรคใหม่ ที่มีการปฏิรูป เน้นผลประโยชน์ของบ้านเมือง เอาประชาชนมาก่อน
l เรื่องที่เป็นปัญหาและอุปสรรคใหม่ ในการพัฒนาประชาธิปไตยไทย ที่กว่าจะผ่านมาได้ คือ
1.พรรคการเมืองใหญ่ ที่เคยมีอำนาจ ดิ้นสุดตัว เคลื่อนไหวทุกรูปแบบ ถูกผิด … หวังเอาคืน
2.พรรคที่อ้างหลักการ “ตะวันตก (เสรีประชานิยม) และตะวันออก (สังคมนิยม) ไม่ปรับตัว
3.พรรคการเมืองท้องถิ่น พรรคภาค เอาผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก ต้องมีการแลกเปลี่ยน
4.กระบวนการยุติธรรม ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ มีการปฏิรูป แต่ปรับตัวช้าและยังเป็นอุปสรรค
5.บทบาทของนายทหารใหญ่และกองทัพทางการเมืองและความมั่นคง มีการปรับตัว แต่ไม่มากพอ
6.บทบาทของสถาบันหลักของสังคม มีส่วนที่เปลี่ยนแปลงใหญ่ เน้นระเบียบและความยุติธรรม ความผาสุกของประชาชน และส่วนที่ไม่เปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนช้า คือ องค์กรศาสนา
7.ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ บางส่วน ยังคงอนุรักษ์ เป็นกลไกของรัฐ มิใช่ของประชาชน
8.กลุ่มทุนใหญ่ระดับผูกขาด ยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองเศรษฐกิจ
9.ชนชั้นนำที่เป็นคนรุ่นใหม่ สนใจแต่การสร้างความมั่งคั่ง ขาดความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง
10.สังคมไทย เป็นถั่วงอกเต็มตัว “หัว” ผู้สูงอายุมาก, “ปลาย” ลีบ เด็กเกิดน้อย ไม่สมดุล
11.คนไทยในต่างประเทศ กลับเข้ามาเมืองไทยมากขึ้น เพราะเงื่อนไขจำกัดคนของต่างประเทศ
12.นักธุรกิจ ชนชั้นกลาง ความเป็นตัวเมือง ขยายกว้างไปถึงชนบท รับรู้ข้อมูลข่าวสารดีขึ้น
13.นักเคลื่อนไหว และ อดีตผู้นำ (ที่ติด อดติ) ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน แต่ต้านรัฐบาลทุกรูปแบบทำให้บทบาทการนำ ไม่เกิดขึ้นจริง อีกทั้งยังเป็นอุปสรรค ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงฯ
14.กลุ่มพลังงาน สิทธิมนุษยชน เอาความคิดเชิงปัจเจก แทน ความคิดส่วนรวม ไม่ปรับตัว
15.นักวิชาการ มหาวิทยาลัย ถูกสถานการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจ บีบให้ปรับตัวครั้งใหญ่
16.ประชาชนชั้นล่าง ไม่มีคุณภาพ ขาดการพัฒนาตนเอง ความคิดอุปถัมภ์บริโภคนิยม หวังพึ่งพิง
17.บทบาทและฐานะของแรงงานต่างชาติในไทย จะสูง แต่จะปรับตัวเข้ากับสังคมไทยได้ดี
18.บทบาทของธุรกิจใหญ่ จะเน้นการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
19.ความร่วมมือ ของภูมิภาคในอาเซียน จะมีมากขึ้น เป็นการรวมตัวปกป้องผลประโยชน์ของตน
20.กระแสโลกาภิวัตน์ ความขัดแย้งใหญ่ของประเทศมหาอำนาจ
จะแบ่งขั้ว ส่งผลกระทบต่อไทยแรง
l โดยสรุป ทุกหน่วยองค์กรและสถาบันทางสังคมไทย มีทั้ง หนุนเสริม และเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูป โดยเฉพาะ บทบาทของผู้นำการเคลื่อนไหวทางสังคม ที่ขาดปัญญา ยึดอคติและตัวเองเป็นใหญ่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี