สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยในวันนี้ เป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งหลายแล้วว่า ได้เกิดสภาพเป็น 3 ก๊ก ขึ้นอย่างชัดเจน คือ ก๊กสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก๊กเพื่อไทย และก๊กประชาธิปัตย์ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเมืองต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบทั้งหลายได้ตราไว้
โดยรวมก็คือ ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรเกินครึ่งหนึ่ง คือ 251 คนขึ้นไป แต่เท่านี้ก็ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ เพราะสส. ฝ่ายรัฐบาลจะไปไหนทำอะไรก็ไม่ได้ มิฉะนั้นก็จะเสียท่าในสภา
และด้วยอภินิหารทางกฎหมายในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น มีบทเฉพาะกาลใน สว. จำนวน 250 คนมาเลือกด้วย ดังนั้นจึงต้องได้เสียงเกิน 376 เสียง ซึ่งก๊กเพื่อไทย และก๊กประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนตั้ง สว.ย่อมไม่มีทางที่จะได้รับเสียงสนับสนุน
ในขณะที่ก๊กสนับสนุนลุงตู่ มีสว.เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว 250 เสียง จึงเพียงแค่ได้เสียง สส. 126 เสียง ก็สามารถได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี แบบลอยลำแต่จะเป็นรัฐบาลบริหารแผ่นดินได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องเกิน 250 หรือ ถ้าจะให้เหมาะสมก็ต้อง 280 ขึ้นไป
ครั้งพิจารณาจากศักยภาพของก๊กเพื่อไทย และก๊กพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเห็นเงื่อนงำของตัวเลขที่อาจทำให้การเป็นนายกรัฐมนตรีของลุงตู่ไม่ฉลุฉลุยเท่าใดนัก เพราะมีความเป็นไปได้ว่ายอดจำนวน สส. ของก๊กเพื่อไทยและประชาธิปัตย์อาจมีจำนวนมากกว่า 251 ที่นั่ง
ก๊กเพื่อไทยนั้นแม้ว่าจะถูกตีทั้งที่หัว และที่ตีน แม้กระทั่งถูกทะลวงกลางลำตัวกระทั่งอาจถูกยุบพรรคก็ยังประมาทมิได้ เพราะพรรคนี้ไม่ต่างอะไรกับพระราหูที่ดื่มน้ำอมฤต เนื่องจากมีวิชาจัดตั้งมวลชนที่ร่ำเรียนมาจากประเทศจีน และมีผู้เชี่ยวชาญจัดจ้างงานมวลชนดำเนินงานอยู่หลายคน
ดังนั้นถ้าหากฐานมวลชนยังอยู่ ถึงแม้จะถูกดูดอดีต สส.ถึงแม้จะถูกยุบพรรคแต่ฐานมวลชนนั้นก็ยังมีสมรรถนะในสนามเลือกตั้งให้ดูตัวอย่างนายมหาเธร์ ซึ่งถูกยุบพรรคก่อนเลือกตั้งสส. ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียว ทั้งห่างเหินอำนาจไปร่วม 20 ปี แต่ฐานมวลชนที่เคารพศรัทธายังหนาแน่น ครั้นหันไปจับมือกับศัตรูเก่าและใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงประชาชาติมาเลเซียอย่างกว้างขวางจึงพลิกสถานการณ์ได้ช่วงเวลาเพียง 3 วัน
ส่วนก๊กประชาธิปัตย์นั้น เป็นพรรคเก่าแก่มีรากฐานแน่นหนาเหนียวแน่นยิ่งกว่าแม่ยกลิเกมากมายนัก ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็ไม่ทิ้งกัน และที่สำคัญจำนวนมากแม้จะขุ่นแค้นเคืองใจที่ไม่เห็นพรรคนี้เรื่องใหญ่ที่จะพลิกสถานการณ์ของบ้านเมืองเลย แต่พอเอาเข้าจริงก็จะตกอยู่ในวังวนว่าเลือกคนในพรรคนี้ดีกว่าเพราะเลวน้อยกว่าพวกอื่นสภาพเช่นนี้ก็ยังดำรงอยู่
ครั้นหันมามองก๊กสนับสนุนลุงตู่ ถึงวันนี้แล้วก็ยังขาดแม่ทัพที่ยังกล้าหาญชาญชัยเปิดหน้าออกนำทัพเคลื่อนพ่ายพลเข้าสู่สมรภูมิได้อย่างสง่างาม แกนนำสำคัญมีอาการหลบๆ ซ่อนๆ กล้าๆ กลัวๆ เพราะต่างคนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าไผเป็นไผ หรือใครบัญชาทัพแต่ละทัพ
ดังนั้นถ้าคะเนผลการเลือกตั้งว่า ก๊กเพื่อไทยและก๊กประชาธิปัตย์หากได้ สส. เกิน 250 คนแล้ว ก็จะเกิดวิกฤติทางการเมืองครั้งใหญ่ขึ้น เพราะคะแนนเสียงเกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ได้แต่จะเลือกประธานสภา ไม่สามารถเลือกนายกฯได้
ส่วนก๊กสนับสนุนลุงตู่แม้ได้เสียง สว. 250 ได้เสียง สส.เกิน 126 เสียง แต่ไม่เกิน 251 ก็เป็นรัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้
นี้คืออภินิหารทางกฎหมายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติของบ้านเมืองมาไม่น้อยกว่า 30 ปีแล้ว และเป็นอภินิหารที่ทำให้ผู้ทำอภินิหารนั้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่แท้จริงตลอดมา กระทั่งสามารถสร้างอภินิหารให้ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งตลอดชีวิต แม้กระทั่งในเรื่องสำคัญก็สามารถดำรงตำแหน่งได้ถึง 20 ปี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี