ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาทีมหมูป่า 13 คน ที่เข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ดอยผาหมี อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไม่เห็นแสงสว่างอยู่หลายต่อหลายวัน โดยนำตัวออกมาจากถ้ำที่มืดมิดได้อย่างปลอดภัย เป็นที่ยินดีและยกย่องกันทั่วโลกนั้น เป็นผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจในการทำงานของผู้คนทุกภาคส่วนที่มีหน้าที่ เฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ที่ได้มีพระมหากรุณาธิคุณในการช่วยเหลือต่อเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์นี้
เป็นผลสำเร็จบนเส้นทางแห่งราชประชาสมาสัยโดยแท้
เป็นตัวอย่างที่ดียิ่งในการแก้ไขปัญหาสำคัญใหญ่หลวงของบ้านเมืองในปัจจุบัน ซึ่งผู้คนกำลังตกอยู่ใน “หลุมดำ” ที่มืดมิดไปทั่ว ไม่รู้จะออกกันทางไหน
เส้นทางแห่ง “ราชประชาสมาสัย” น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในการนำชาติบ้านเมืองและประชาชนออกจาก “หลุมดำ”
คำว่า “ราชประชาสมาสัย” นี้เป็นคำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงบัญญัติขึ้น มีที่มาและที่ไปดังนี้
“เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ สถานพยาบาลพระประแดง เมื่อการก่อสร้างได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ขอพระราชทานนามสถาบันแห่งนี้ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “สถาบันราชประชาสมาสัย” (มีความหมายว่า พระมหากษัตริย์และประชาชนอาศัยซึ่งกันและกัน) และเสด็จพระราชดำเนินเปิดสถาบันนี้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2501
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ได้พระราชทานแนวพระราชดำริว่า ดวงตราประจำของมูลนิธิ ควรเป็นรูปดอกบัวกับน้ำ ซึ่งดอกบัวสีเหลืองหมายถึงกษัตริย์ และ น้ำ หมายถึงประชาชน
โดยธรรมชาติแล้ว ดอกบัวกับน้ำต้องอาศัยซึ่งกันและกัน จึงมีชีวิตเจริญอยู่ได้
จำเดิมนั้น สถาบันราชประชาสมาสัยเน้นการรักษาโรคเรื้อน ซึ่งคิดว่าเป็นโรครักษาไม่หายก่อน แล้วจึงขยายไปสู่การศึกษาและการพัฒนาอื่นๆ
นี่คือที่มาที่ไปของคำว่า ราชประชาสมาสัย
เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังป่วยด้วย “โรคเรื้อนทางการเมือง” เพราะมีคนขี้เรื้อนผลัดหน้ากันเข้ามาบริหารจัดการบ่อยๆ โดยเฉพาะในยุคสมัยใกล้ๆ ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งพวกขี้เรื้อนที่มาจากกระบวนการเลือกตั้ง และจากกระบวนการลากปืนเข้ามา ซึ่งคนเหล่านี้ต้องทำให้บ้านเมืองเป็นขี้เรื้อนไปด้วยในเรื่องต่างๆดังที่เห็นกันอยู่
ความเป็นประชาธิปไตยที่มีโรคเรื้อนเกาะกินอยู่
ถ้าใจของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งไม่ว่าเข้ามามีอำนาจได้ในกระบวนท่าไหนดังกล่าว เป็นขี้เรื้อนเสียแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมจะติดโรคเรื้อนไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ใครเห็นใครรังเกียจ ไม่อยากอยู่ใกล้
ความไม่รู้จักตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริตก็ดี ความมีน้ำใจอันกว้างใหญ่ต่อผู้อื่นก็ดี กล้าที่จะทำ กล้าที่จะคิด กล้าที่จะพูดโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีและถูกต้องก็ดี แม้กระทั่งหูเบา ใจเบา สมองเบาเชื่อง่ายก็ดี สิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นเป็นโรคเรื้อนทางใจ
เมื่อได้อำนาจมาจึงหลงอำนาจ เมาในอำนาจ ใช้อำนาจไปในทางที่เห็นแก่ตัว เพื่อประโยชน์ตัวและพรรคพวกฝ่ายเดียว ไม่ได้นึกถึงคุณธรรม ศีลธรรม หรือความผูกพันทางจิตใจหรือผลไม่ดีที่เกิดขึ้นกับคนอื่น
คนมีอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศ และต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนในประเทศ ถ้ามีใจเป็นขี้เรื้อนอย่างนี้ จะเป็นคนที่ไม่ทำลายเฉพาะศัตรูของตนเท่านั้น แต่มิตรของตนก็ทำลายได้เช่นเดียวกัน
เหมือนงูตายเพราะพิษร้ายของมัน หรือเสือตายเพราะเขี้ยวเล็บของมันเองเช่นเดียวกัน
ตราบใดที่ยังรักษาอำนาจไว้ได้ ตราบนั้นก็ยังอยู่ แต่ถ้าต้องแพ้เมื่อใดก็จะกลายเป็นผู้ร้ายไปในทันที เข้าทำนองตกช้างตกม้า เพราะช้างม้ามันพยศ
คนมีอำนาจที่มีใจเป็นขี้เรื้อน ความเป็นขี้เรื้อนก็เหมือนหอกดาบที่คอยทิ่มแทงตัว ทิ่มแทงใจผู้อื่นได้ตลอดเวลาจากอำนาจที่นำมาใช้
และคนที่มีอำนาจ มีใจที่เป็นขี้เรื้อนอย่างว่านี้ ต้องถือว่าเป็นคนป่วยทางจิตได้เช่นเดียวกัน
คนป่วยทางจิตจะเป็นคนที่มีความผิดปกติในทางความคิด ความผิดปกติทางอารมณ์ และทางความรู้สึก มีอาการแสดงออกไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะเดินเหิน พูดจา หรือแสดงท่าแสดงทางในแต่ละครั้ง
เฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนไม่รู้ตัวเองป่วยทางจิต
เป็นคนที่แสดงออกในลักษณะไม่ฟังใคร ถือตัวเองเป็นใหญ่ ถือตัวเองเป็นสิ่งถูกต้องที่ทุกคนต้องเชื่อฟัง และทำตามที่สั่งเพียงอย่างเดียว ใครที่ไม่เห็นด้วยคนนั้นไม่ใช่พวก เป็นคนที่ต้องกำจัด
คนป่วยทางจิตไม่จำเป็นต้องมีอาการหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกัน บางคนอาจแสดงอาการผิดปกติเพียงอย่างเดียว ยังคงทำงานประจำวันของตนได้ตามปกติ และพูดคุยได้เรื่องได้ราวดี บางคนไม่สนใจ หรือแสดงกิริยาท่าทางด้วยอารมณ์ให้เห็น ขาดความสนใจกับสิ่งแวดล้อม ชอบแยกตัวออกไปอยู่คนเดียว หรือชอบพูดคนเดียว หัวเราะคนเดียว ก็มี
แม้กระทั่งคนที่ชอบทำตาขวางกับคนอื่นเมื่อไม่ชอบใจคำพูดหรือคำถามที่เขาถามก็ดี จัดอยู่ในพวกผู้ป่วยทางจิตคนหนึ่ง แม้กระทั่งคนที่ชอบคุยโม้ คุยโฆษณาตัวเอง ก็จัดอยู่ในประเภทคนป่วยทางจิตเช่นเดียวกัน
จิตที่ป่วยก็เหมือนใจที่เป็นขี้เรื้อน
ถ้ามาเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองบ้านเมืองก็จะทำให้บ้านเมืองนั้นป่วยไปด้วย หนทางแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ รักษาด้วย “ราชประชาสมาสัย” อย่างที่เคยได้ผลมาแล้วในเหตุการณ์ทีมหมูป่า 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นั่นเอง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี