จำนำข้าว ชัดๆ กันอีกรอบ กับ 3 หน่วยงานเชื่อถือได้กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และ สตง. ช่วยกันชี้แจงไว้ในบทความนี้ครับกรมบัญชีกลาง ชี้แจงระบบการปิดบัญชี “เจ๊งจำนำข้าว” คุณสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลางชี้แจงหลักการบันทึกบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเอาไว้ว่า
“กรมบัญชีกลางใช้เกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) จึงไม่มีการลงบันทึกรายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง 536,908.30 ล้านบาท ไว้ในรายงานการเงินแผ่นดิน เพราะว่า รายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวดังกล่าวนี้ จะถูกบันทึกอยู่ในบัญชีค่าใช้จ่ายของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แยกไว้ต่างหาก”
สรุปจากที่อธิบดีกรมบัญชีกลางว่าเอาไว้ก็คือว่า คุณเรืองไกรมั่วในการนำระบบทางบัญชีแต่ละแบบ แต่ละหน่วยงาน แต่ละช่วงเวลาเอามามั่วผสมปนเปกันโดยคุณเรืองไกรอ้างว่า ในรายการเงินแผ่นดินปี 2560 ไม่ปรากฏผลขาดทุนจำนำข้าวที่มาจากคำพิพากษาศาลในปีดังกล่าว..
ก็อย่างที่อธิบดีกรมบัญชีกลางบอกครับ ผลขาดทุนเจ๊งจำนำข้าว มันคือโครงการเฉพาะของรัฐบาลที่ทำผ่านธ.ก.ส.หากจะดูผลขาดทุนก็ดูที่ ธ.ก.ส.ได้ส่วนนึง
ขอย้อนอดีตไปอีกนิด จำได้ใช่ไหมครับว่า วงเงินจำนำข้าวแต่แรกตอนหาเสียงเลือกตั้งคือตั้งเกณฑ์ไว้ที่ 500,000 ล้านบาท โดย อดีตรมว.คลัง กิตติรัตน์ บอกว่า จะไม่ให้เกินวงเงินนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปปีแรก ข้าวก็เริ่มขายไม่ได้ เพราะทุนสูงกว่าราคาตลาดไปมากโข คุณภาพก็ห่วย แถมมีการเวียนเทียนทุจริตในกระบวนการจัดเก็บ กระบวนการเบิกขาย พูดง่ายๆ ก็คือ ทุกกระบวนการ
นั่นแหละ จนทำให้ “ขายไม่ออก”
ขายไม่ออก ก็ไม่มีเงินมาเติมสิครับ ลองคิดดูว่า 5 แสนล้านที่คลังขอวงเงินมาครั้งแรก เพื่อจ่ายค่าต้นทุนข้าวให้ชาวนา แล้วเอามาเก็บในสต๊อกรัฐ จากนั้นถ้าขายได้และ “ถ้า” มีกำไร ก็จะต้องเอามาคืนในก้อน 5 แสนล้านนี้แต่ก็เป็นบทพิสูจน์ความห่วยว่า ไม่มีมาคืน แถมยังร่อยหรอหมดลงไปทั้งก้อน จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ก็คิดพิสดารไปควักสภาพคล่องธ.ก.ส.มาใช้ก่อนอีกก็มี จะขอวงเงินกู้เพิ่มพิเศษอีกก็มี ทั้งที่มติครม.ตัวเองแต่แรกบอกว่าจะใช้ไม่เกิน 5 แสนล้าน
พอเห็นภาพแบบนี้แล้ว ก็จะเข้าใจว่า ขาดทุนยังไงจุดแรกไปดูที่ธ.ก.ส. และอีกที่ก็คือรายงานของกระทรวงการคลัง ที่เป็นคณะอนุกรรมการปิดบัญชี...ว่าตอนขอเบิกจ่ายตามวงเงิน และเกินวงเงินนั้น มีรายละเอียดการทำจำนำข้าวอย่างไรบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นครับ ต้องขอบพระคุณทางธ.ก.ส.เอง ที่ช่วยออกมาให้ข้อมูล แต่ก็อย่างว่า ไม่เป็นข่าวที่ควรจะช่วยกันชี้แจงประเด็นข้อเท็จจริงอีกเช่นเคย เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2561 คุณอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยืนยันว่า...
“การจัดทำรายงานการเงินแผ่นดินที่กรมบัญชีกลางดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อรายงานยอดรายรับ – รายจ่ายจากบัญชีเงินคงคลังของรัฐบาล และมีการบันทึกบัญชีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมบัญชีกลางกำหนด ในรายงานการเงินแผ่นดินจึงไม่ได้แสดงผลกำไรขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด”
สรุปข้อนี้ให้ฟังก่อนครับ ก็คือว่า เกณฑ์การปิดบัญชี “รายงานการเงินแผ่นดิน” ที่คุณเรืองไกรอ้างนั้น เขาเอาไว้ปิดยอดรับจ่ายของ “เงินคงคลัง” ของรัฐบาล เท่านั้น และ “จำนำข้าว” โครงการเฉพาะของรัฐบาลไม่ได้อยู่ในส่วนนี้ ผมแถมเพิ่มว่า จะไปดูก็ได้ แต่จะต้องแยกเป็นรายๆ ปีไปเฉพาะส่วนที่กระทรวงการคลังต้องยืมมาในปีนั้นๆ ที่กู้มาทำจำนำข้าว หรือการคืนเงินจำนำข้าวที่ไปกู้มาแก่เจ้าหนี้ที่คลังไปค้ำให้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในปี 2560 ตามที่คุณเรืองไกรว่าได้ไง ในเมื่อจำนำข้าวมันทำการโกงจนเจ๊งมาตั้งแต่ปี 2554 2555 และ 2556 อย่างเก่งก็มี 2557-58 ช่วงที่ขายข้าวระบายกลับมาได้บ้าง
ผู้จัดการธ.ก.ส.ย้ำเพิ่มเติมว่า..
“สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการตามนโยบายรัฐบาล เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานดังนั้น ในการสรุป หรือ ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการฯ ซึ่งกรรมการประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนสภาวิชาชีพบัญชี ทำหน้าที่สรุปภาระหนี้สิน ได้แก่ เงินต้นดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานโครงการฯ โดยจะแยกบัญชีออกจากการดำเนินงานปกติของ ธ.ก.ส. ยืนยันว่าการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ดำเนินการตามมาตรฐานบัญชีทุกประการ”
นี่แหละครับ ย้ำอีกว่า จำนำข้าวคือส่วนโครงการเฉพาะของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คณะอนุฯ ที่มีหน้าที่ปิดงบก็ปิดไปแล้วว่าเจ๊ง ก็ให้ว่าตามนั้น อย่าบิดเบือนอีก ส่วนของธ.ก.ส.จะปิดได้ก็เฉพาะส่วน เงินส่วนเกินสภาพคล่องในปีหลังที่กระทรวงการคลังช่วงคุณกิตติรัตน์ให้ไปควักมาเพิ่ม
เอาให้หนักไปเลยครับ ล่าสุด สตง.เองก็มาช่วยชี้แจงถึงหลักการปิดงบบัญชีการทำจำนำข้าวว่า ที่ถูกต้องเป็นอย่างไรกันแน่
ผมต้องขอขอบคุณ คุณประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มา ณ ที่นี้เลยครับ ที่มาช่วยอธิบายเรื่องยากให้เราได้ขยายความต่อ..
ผู้ว่าฯ สตง.บอกว่า เนื่องจากกรณีนี้ค่อนข้างจะเป็นเรื่องทางเทคนิค การที่ปรากฏข่าวในลักษณะดังกล่าวอาจทำให้บุคคลทั่วไปมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ดังนั้น สตง.ในฐานะที่เป็นองค์กรตรวจสอบจึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องใน 2 ประเด็นหลักๆ
ประเด็นแรก เป็นเรื่องของหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดทำรายงานการเงินแผ่นดิน รายงานการเงินของแผ่นดินประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน จัดทำตามหลักเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) ที่กระทรวงการคลังกำหนดขึ้น”
ประเด็นเทคนิคทางบัญชีแบบนี้ คุณเรืองไกรเข้าใจแน่นอนครับ ที่ให้สัมภาษณ์บิดเบือนนั้นเข้าใจว่า จงใจไม่เข้าใจเองมากกว่า!
มาดูประเด็นที่สอง กันครับ ประเด็นนี้ สตง.ชี้แจงละเอียดยิบ
ประเด็นที่ 2 เป็นเรื่องการปิดงบจำนำข้าวแบบเฉพาะเจาะจงจากคณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีมติ 29 มีนาคม 2555 ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เองนั่นแหละที่สั่งให้อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กระทรวงพาณิชย์แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อดำเนินการปิดบัญชี หลังจากครบกำหนดไถ่ถอน หรือ สิ้นสุดระยะเวลาโครงการ และให้มีการปิดบัญชีเป็นปีๆ ไป โดยให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชี
กรณีนี้พูดง่ายๆ คือ ครม.ยิ่งลักษณ์ ระบุเองแต่แรกว่าให้มีการปิดบัญชีเป็นปีๆ ไป แล้วคุณเรืองไกรจะมาถามหาอะไรตอนปี’60 แกล้งไม่รู้เองนี่นา
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2556 ก็ครม.ยิ่งลักษณ์อีกเองนี่แหละ ที่อนุมัติให้การจำนำข้าวใช้เงินทุนได้ 2 แหล่ง คือ 1.เงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ก็คือการควักสภาพคล่องธ.ก.ส.มาใช้ก่อน และ 2.เงินกู้จากสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลังจัดหาและค้ำประกัน โดยให้มีการนำเงินที่ได้จากการระบายผลผลิตทางการเกษตรชำระคืนเงินทุน ธ.ก.ส. ให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน กรณีมีความจำเป็นให้ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายไปก่อนระหว่างรอเงินจากการระบายผลผลิตหรือเงินจากแหล่งอื่นๆ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตกลงกับ ธ.ก.ส. เป็นคราวๆ ไป โดย ธ.ก.ส. จะได้รับอัตราชดเชยต้นทุนเงินและค่าบริหารโครงการ
ในมติครม.ยิ่งลักษณ์ตอนวงเงินหมดนั้น ก็ให้ควักจากธ.ก.ส.มา แล้วสั่งให้กระทรวงการคลังรับภาระชำระคืนต้นเงิน ดอกเบี้ย จากการกู้ยืมเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และผลขาดทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมดของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ทั้งส่วนที่กระทรวงการคลังจัดหาให้ และส่วนที่ใช้เงินทุนของ ธ.ก.ส. และให้ ธ.ก.ส. แยกการดำเนินงานโครงการออกจากการดำเนินงานปกติ เป็น “บัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ” และบันทึกเป็นภาระผูกพันนอกงบประมาณ เพื่อทราบผลกระทบจากการดำเนินโครงการและขอชดเชยความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
อ้าว! ไหงเป็นแบบนี้ล่ะครับ เหมือนว่าคุณเรืองไกรมาโบ้ย โวยวายโดยที่ไม่ยอมไปถามคุณกิตติรัตน์เลยว่าเคยออกเกณฑ์ไว้ยังไง
จุดนี้ต้องขอบคุณ Thaipublica อีกเช่นกันครับ ที่ช่วยสรุปประเด็นตรงนี้ให้อีกรอบนึง
ผู้ว่าฯ สตง.ย้ำอีกว่า... “โครงการรับจำนำข้าวเปลือก เป็นโครงการที่ใช้เงินทุนของ ธ.ก.ส. และเงินกู้จากสถาบันการเงินที่กระทรวงการคลัง จัดหาและค้ำประกัน โดยกระทรวงการคลังรับภาระในการนำเงินงบประมาณชดใช้คืนต้นเงิน ดอกเบี้ย จากการกู้ยืมเงิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ และผลขาดทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมดของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นรายปี โดยให้ ธ.ก.ส. จัดทำเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ และบันทึกเป็นภาระผูกพันนอกงบประมาณ สำหรับข้อมูลโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ในการดำเนินการปิดบัญชีโครงการดังกล่าว หลังจากครบกำหนดไถ่ถอน หรือสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ และให้มีการปิดบัญชีเป็นปีๆ ไป”
สรุปตรงนี้คือ คุณเรืองไกรมั่วครับ
จำนำข้าว ขาดทุนจริง เจ๊งจริง โกงจริง ติดคุกจริงและเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามบิดเบือนแค่ไหนก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี