แนวหน้าหนังสือพิมพ์คุณภาพ ทุกบรรทัดคือสาระและข้อเท็จจริง...
nn หลายเดือนที่ผ่านมา มีข่าวที่ควรจะเป็นข่าวใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าแทบจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและสังคมเท่าไหร่นัก ก็คือสถานะในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ“ดอน ปรมัตถ์วินัย” ถือว่าสุ่มเสี่ยงและสั่นคลอนยิ่งนัก...nn สำหรับประเด็นดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นจากการที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” จากพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบการถือครองหุ้นสัมปทานของ 9 รัฐมนตรี ซึ่งผลการตรวจสอบนั้น ปรากฏว่า มีเพียง “ดอน” คนเดียวเท่านั้นที่มีปัญหา เพราะคู่สมรสถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5 และไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ในเวลาที่กำหนด...
nn ต่อมา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงมติประเด็นการถือครองหุ้นของ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.ต่างประเทศ ว่าเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 เรื่อง การไม่ให้รัฐมนตรีถือหุ้น หรือถ้าต้องการรับประโยชน์จากการถือหุ้น ต้องแจ้งให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทราบใน 30 วันหรือไม่? ผลปรากฏว่า ที่ประชุมกกต. ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ว่า “ดอน” ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี และเตรียมเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป...
nn หลังจากกกต.มีมติเสียงข้างมากออกมา ปรากฏว่า มีเสียงเรียกร้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศคนนี้ลาออก พร้อมๆ กับเรียกร้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ปรับครม. เพื่อรักษากติกาและความถูกต้องทางการเมือง แต่รัฐบาลคสช.เลือกที่จะใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น ท่องคาถาข้อเดียวคือ ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในชั้นท้ายสุด...
nn “คชสีห์”พลิกแฟ้มข้อมูล ปรากฏว่า รมว.ต่างประเทศ แจงสี่เบี้ยเอาไว้สั้นๆ ว่า “แรงกดดันที่ใครต่อใครพูดถึง จะตีความว่าเป็นการกดดันหรือไม่ก็อยู่ที่เรา จะถือว่าเป็นการกดดันหรือทักทาย หรือการแสดงความห่วงใย สนใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ อยู่ที่ว่าเราจะคิดเห็นอย่างไร ขณะนี้ผมก็อย่างที่ว่า คำตอบอยู่บนใบหน้าแล้ว ยืนยันว่า ไม่กดดัน เราก็ทำงานของเราไป”...
nn “คชสีห์” สรุปสั้นๆว่า “ดอน” ไม่ลาออก แต่เลือกที่จะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องจากกกต.แล้ว จะมีหลักปฏิบัติอยู่ 2 แนวทาง คือ 1.ศาลอาจจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ก็ได้ 2.ศาลพิจารณาสืบพยานจากนั้นถึงจะวินิจฉัยว่า ผิดหรือไม่...
nn “คชสีห์” รายงานไว้ตรงนี้ว่า หลังจากรอกันมา 3 เดือน ปรากฏว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนญ ได้พิจารณาคำร้องที่กกต. ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสองหรือไม่...
nnศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้อง คำชี้แจงของนายดอน และเอกสารประกอบแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏมูลเหตุที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมหรือการบริหารราชการแผ่นดินแต่ประการใด จึงยังไม่มีเหตุอันควรสงสัย ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้นายดอน หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน โดยที่คดียังมีปัญหาข้อเท็จจริงที่คู่กรณีตั้งประเด็นโต้แย้งกันอยู่ จึงกำหนดให้มีการนัดไต่สวนพยาน 3 ปาก ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ...
nn สรุปคือ ศาลท่านยังเมตตา “ดอน” ให้ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ส่วนจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหนนั้น ก็ต้องว่ากันต่อไปในชั้นสืบพยานว่าฝ่ายไหนจะเอาข้อเท็จจริงมาสู้ได้มากกว่ากัน...
nn เหตุ “คชสีห์” นำเอาข่าวนี้มารายงานก็เพราะอยากจะให้เห็นความสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งในระดับเสนาบดีเจ้ากระทรวง และในระดับข้าราชการประจำผู้ปฏิบัติงาน เพราะกระทรวงนี้มีความสำคัญ คือหน้าตาและตัวแทนของประเทศ คนที่เป็นเจ้ากระทรวงจะต้องนิ่งและสง่างาม ไม่มีเรื่องด่างพร้อยใดๆ...
nn และอย่าคิดว่า อยู่กระทรวงการต่างประเทศแล้วจะสบายไม่มีอะไรทำ ตัวอย่างเช่น สัปดาห์ที่แล้ว “คชสีห์” รายงานไปว่า เกาหลีใต้กำลังพิจารณายกเลิกการยกเว้นวีซ่าของผู้ถือหนังสือเดินทางไทย หลังมีคนไทยจำนวนมากเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ แล้วเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 1 แสนคน...
nn ปรากฏว่า ล่าสุด มีรายงานเพิ่มเข้ามาอีกว่า ทางการไต้หวันเตรียมพิจารณามาตรการฟรีวีซ่า สำหรับนักเดินทางจาก3 ประเทศ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ และบรูไน ลดเหลือปีละ 2 ครั้ง จากเดิมที่สามารถเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าได้ 6 ครั้ง ครั้งละ 14-15 วันเนื่องจากพบปัญหาการอยู่เกินกำหนดอย่างผิดกฎหมาย ปัญหาการเข้ามาทำงาน และปัญหาขายบริการทางเพศที่เพิ่มมากขึ้น ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา...
nn โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ไต้หวันมีนโยบายยกเว้นวีซ่า ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย บรูไน และฟิลิปปินส์ เดินทางเข้าไต้หวันแล้วกว่า 410,000 ราย เฉพาะนักเดินทางจากไทยเพิ่ม 95% ฟิลิปปินส์เพิ่ม 48.5% ซึ่งถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาแรงงานการค้าประเวณีก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน!!...nn
คชสีห์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี