อย่าได้เข้าใจว่าบทความวันนี้เป็นเรื่องพิลึก กวนประสาท หรือหยาบคายเลย เพราะคิดอ่านถ้อยคำที่จะตั้งชื่อบทความวันนี้เป็นอย่างดีแล้ว ในที่สุดก็เลือกเอาชื่อหมอนรองตีนนี่แหละเป็นชื่อบทความสำหรับวันนี้
อย่าไปติดยึดในรูปแบบและปรากฏการณ์มากนัก เพราะความเสียหายของคนเรานั้นส่วนใหญ่ก็เกิดขึ้นจากความหลงผิดในรูปลักษณ์ภายนอกหรือถ้อยร้อยวาจาที่ดูเหมือนว่าน่าเชื่อถือ สุภาพเรียบร้อย อ่อนหวาน แท้จริงกลับเป็นเพียงมายาภาพแห่งมาร ที่จะแสวงหาประโยชน์จากผู้ที่รู้ไม่เท่าทันเท่านั้น บ้านเมืองเราจึงเป็นเช่นนี้
หมอนรองตีนมีความหมายอย่างไร หมอนก็คือหมอนที่รู้จักกันเป็นอันดี ซึ่งปกติใช้หนุนศีรษะ ส่วนตีนก็คือเท้า ซึ่งไม่ว่าจะใช้คำว่าเท้าหรือตีน มันก็เป็นทั้งตีนหรือเป็นทั้งเท้าอยู่นั่นเอง นั่นคือเป็นอวัยวะเบื้องล่างสุดของคนเราที่รองรับการเดิน ซึ่งแม้จะต่ำต้อยติดดิน แต่ลองไม่มีตีนเมื่อใดก็จะไม่เป็นผู้เป็นคนที่องอาจสง่างามเมื่อนั้น
ปกติคนเราจะใช้หมอนหนุนรองศีรษะสูงบ้าง กลางบ้าง ต่ำบ้างตามแต่ถนัด แต่ถ้าในการนอนปกติในเวลากลางคืนนั้น ถึงวันนี้ก็เป็นที่รู้เป็นที่เข้าใจกันเป็นอันดีแล้วว่าควรจะใช้หมอนที่ต่ำเพราะจะทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นไปโดยสะดวก และไม่ทำให้เกิดการงอหรือพับหรือทับของเส้นเลือดในบริเวณสำคัญ คือตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงศีรษะ ซึ่งถ้าหากงอติดขัดหรือทำให้ตีบตันประการใดแล้วก็จะเป็นอันตรายร้ายแรงทั้งต่อสุขภาพและชีวิต
เพราะเหตุนี้แต่โบราณกาลมา หมอนซึ่งใช้หนุนรองศีรษะจึงถือกันว่าเป็นของสูง ในบางพื้นที่ก็จะไม่มีใครกล้าเดินข้ามหมอน หรือบุรุษที่ร่ำเรียนวิทยาคมก็จะไม่ยอมให้สตรีอยู่ในที่สูงกว่าหมอนหรือข้ามหมอนที่รองหนุนนอน หรือแม้ในการกระทำพิธีไสยศาสตร์บางเรื่องก็ใช้หมอนนั่นแหละมาเป็นสื่อและเครื่องมือแห่งพิธีกรรม
เมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมจึงพูดถึงการเอาหมอนไปรองตีนเล่า? นี่เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยและชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีวัย 55 ปีขึ้นไป หรือถ้าบุคคลบางคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีนัก ก็จะเริ่มตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เพราะคนเราเมื่อถึงวัยนี้ก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของชราและพยาธิ อะไรที่ตึงก็จะหย่อน อะไรที่คล่องก็จะขัด อะไรที่เคยขัดก็จะติด กระทั่งตีบ แตก ตันไปตามเรื่องของสังขาร
โดยเฉพาะหัวใจของคนเราก็จะอ่อนแรงลงตามวัย ซึ่งขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติตนในการถนอมรักษาให้หัวใจมีความเข้มแข็ง แข็งแรง และทำงานเป็นปกติให้ยาวนานที่สุด แต่ในที่สุดสักวันหนึ่งเมื่อความแก่มาถึงมากขึ้น หัวใจก็จะต้องอ่อนแรงลง
อ่อนแรงลงแล้วก็ทำให้แรงสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายอ่อนลงด้วย และเพราะเหตุร่างกายนี้ก็อยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก ดังนั้นเมื่อกระแสเลือดไหลเวียนลงเบื้องล่าง ซึ่งหัวใจเคยสูบกลับเข้ามาเป็นปกติอยู่ พอหัวใจอ่อนแรงลงก็สูบกลับขึ้นมาได้น้อยกว่าที่จรไหลลงไป จึงทำให้เกิดอาการคั่งตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงไปถึงปลายเท้า หรือที่เรียกว่าเกิดอาการบวม จะบวมมากบวมน้อยก็แล้วแต่ความอ่อนและความแข็งแรงของหัวใจทั้งนั้น
ครั้นพอถึงกลางคืน เมื่อนอนลงในแนวราบ หัวใจก็สามารถสูบเลือดที่คั่งอยู่กลับคืนมาได้ อาการที่บวมก็จะบรรเทาเบาบางหรือหายไป พอรุ่งอีกวันก็จะเกิดบวมใหม่อีก
ในขณะที่หัวใจสูบเลือดไหลกลับนั้น น้ำที่อยู่ในกระแสเลือดก็จะถูกกรองไปที่ไต และกลายไปเป็นปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะมากขึ้นในกระเพาะปัสสาวะในเวลากลางคืนจึงปวดปัสสาวะ แล้วต้องลุกขึ้นไปปัสสาวะ จะน้อยครั้งมากครั้งก็ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในกระเพาะปัสสาวะนั้น ถ้ามากก็อาจต้องลุกไปปัสสาวะ 3-5 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องทรมาน
ดังนั้นจึงต้องช่วยหัวใจกันบ้าง คือในระหว่างกลางวัน ถ้ามีโอกาสที่จะยกเท้าให้สูงขึ้นในระดับหัวใจหรือใกล้ระดับหัวใจได้ก็จะช่วยเหลือหัวใจให้สูบฉีดเลือดให้โคจรไหลเวียนเป็นปกติได้ง่ายได้มากขึ้น หัวใจก็จะทำงานหนักน้อยลง เลือดก็จะไม่คั่ง เท้าก็จะไม่บวม
ครั้นถึงเวลานอน ไหนๆ ก็จะนอนแล้วก็อย่านอนเปล่า ถ้าหากเอาหมอนหนุนรองที่ปลายเท้าเพื่อยกตีนให้เสมอหรือสูงกว่าหัวใจสักเล็กน้อยก็จะช่วยหัวใจในการสูบเลือดที่คั่งอยู่ที่เท้า และกรองไปเป็นปัสสาวะได้เร็วขึ้นมากขึ้น ก็จะสามารถปัสสาวะให้เสร็จสิ้นได้ก่อนที่จะหลับนอน ไม่ต้องทรมานลุกตื่นในเวลากลางคืนหลายครั้งหลายหน จนเกิดการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงและทำให้แก่เร็วขึ้น
ถ้าหากรังเกียจว่าไม่พึงใช้หมอนหนุนศีรษะไปรองตีน ก็อาจใช้หมอนข้างแทนก็ได้ หรือถ้าจะให้ดีและพอเหมาะพอดีมากก็อาจใช้หมอนขิดที่พี่น้องชาวอีสานนิยมใช้เป็นพื้น ซึ่งราคาไม่แพงเพราะเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน และใช้ได้สองระดับ คือระดับธรรมดา และการใช้ด้านข้างซึ่งสูงกว่ารองตีน สัก 20 นาทีหรือครึ่งชั่วโมง และในระหว่างนั้นถ้ายกขาให้สูงขึ้นระดับ 45-90 องศาได้ก็จะยิ่งดี เพราะจะสามารถปัสสาวะได้เสร็จสิ้นก่อนที่จะนอน ไม่ต้องตื่นขึ้นมาให้ทรมานอีกต่อไป
หมอนรองตีนจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยที่เราท่านทั้งหลายควรจะได้รู้ได้เข้าใจเพราะวันหนึ่งก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ขอเพียงอย่าตายก่อนวัยก็แล้วกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี