เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่ให้ความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจรากหญ้าประมาณ 11-12 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรชาวไร่ชาวนาและชาวประมงพื้นบ้านที่ไม่มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิตประจำวัน โดยคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเกษตรกรสูงอายุ, คนชราภาพ, คนพิการที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปและปราศจากการช่วยเหลือดูแลจากลูกๆหลานๆ
โดยพลเอกประยุทธ์ได้ปรึกษากับคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในคณะรัฐบาลทั้งดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ, พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย,นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการคลัง,นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพาณิชย์ และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีอุตสาหกรรม
การปรึกษาดังกล่าวได้มีการวิเคราะห์ถึงภาพรวมของสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งคาดหมายว่า ในปี 2561 นั้นเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 5 กลุ่มคนที่มีฐานะปานกลางและฐานะร่ำรวยประมาณ 20 ล้านคน จะได้รับประโยชน์มากจะเห็นได้ว่าการค้าขายของคนในระดับบนเป็นไปอย่างคึกคักและมีกำไรดี
แต่ปัญหาใหญ่ที่คนบ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดียังมีอยู่โดยเฉพาะกลุ่มคนในระดับล่าง หรือระดับรากหญ้าที่มีจำนวน 12 ล้านคนยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดีทั้งๆที่ประเทศไทยมีเม็ดเงินไหลเข้ามามหาศาลในปี 2561 นี้ด้วยเหตุนี้รัฐบาสต้องแก้ไขด้วยการเติมเม็ดเงินเข้าไปสู่คนที่อยู่ในกลุ่มคนรากหญ้าที่ยากจนอยู่จำนวน 12 ล้านคนนี้
เรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งทำคือการอัดเม็ดเงินไปที่คนรากหญ้าประมาณ 640,000 ล้านบาท ในระหว่าง 3 เดือนแรก ของปีงบประมาณใหม่ 2562 ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งวงเงินเหล่านี้คือการเพิ่มเงินให้แก่กลุ่มผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้มากขึ้นการขยายฐานเพิ่มกลุ่มคนผู้ที่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐการเพิ่มเงินสงเคราะห์ให้แก่คนชราและคนพิการเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่คนในระดับฐานรากหญ้า
ในขณะที่อีกด้านหนึ่งที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะต้องดำเนินการต่อเนื่องไปก็คือการทำให้เกษตรกรกลุ่มที่ยากจนสามารถขายผลผลิตให้ได้ราคาดีไม่ว่าจะเป็นข้าว, ยางพารา, มะพร้าว, พืชไร่ต่างๆ ในขณะที่ต้องเร่งให้ชาวประมงพื้นบ้านในท้องถิ่นมีทุนรอนในการซ่อมแซมเรือประมงและอุปกรณ์หาปลาซึ่งก็จะทำให้เกิดมีปริมาณเม็ดเงินหมุนเวียนในมือประชาชน
รากหญ้าเพิ่มขึ้น
การอัดฉีดเม็ดเงินลงไปสู่คนรากหญ้า 12 ล้านคนแม้จะเป็นนโยบายประชานิยมอยู่บ้างแต่รัฐบาลต้องแสดงออกไปให้ประชาชนรากหญ้าเห็นว่าเป็นนโยบายประชารัฐเป็นความร่วมมือช่วยเหลือระหว่างรัฐกับประชาชนเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งประชาชนคนยากคนจนแบบที่นักการเมืองกับสื่อมวลชนของระบอบทักษิณได้โจมตีรัฐบาลอยู่ในขณะนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี