นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ขึ้นในวงการเมือง เมื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศว่า พรรคประชาธิปัตย์จะให้สมาชิก “เลือกหัวหน้าพรรค” ได้ !!
จะไม่สั่นสะเทือนได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีพรรคไหนพูดประเด็นนี้เลย
ท่ามกลางการเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย ที่มีแต่ “วาทกรรม” บางพรรค บางพวก เช่น พรรคเพื่อไทย ที่อ้างตนเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” มาโดยตลอด ยังนั่งงงอยู่เลย ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคกู? แม่ “นกแสก” แห่ง นปช. ก็ออกมา “ตีฝีปาก” โหนกระแส ทั้งๆ ที่สมาชิก นปช. ก็ไม่เคยได้สิทธิเลือกหัวหน้า หลายพรรค “ตั้งพรรค” ขึ้นมา เพื่อจะหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงจะ “งุนงง” กับหมากเกมนี้ของประชาธิปัตย์ไม่น้อย
70 กว่าปีในการตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ผ่านการมีหัวหน้าพรรคคนแล้วคนเล่า ผ่านการชอบไม่ชอบ ผ่านการแพ้-ชนะ ผ่านการเป็นรัฐบาลและฝ่ายค้านมาก็มาก กี่ผู้กี่คนที่พยายามเข้าถึง “อุดมการณ์” หรือ “สันดาน” ประชาธิปัตย์ ที่ถูกมองเสมอว่าเป็นพวก “เจ้าหลักการ” เป็นพวก “กินอุดมการณ์”
แท้จริงแล้ว ประชาธิปัตย์เดินในเส้นทาง “เสรีนิยมประชาธิปไตย” มาโดยตลอด
เป็น “ทางเดิน” ที่ดูแปลกปลอมในสังคมประชาธิปไตย “แบบไทยๆ” ที่ขอผลประโยชน์ก่อนอุดมการณ์ได้ไหม?
เราจึงเห็นนักการเมืองจำนวนมาก เวียนเทียนไปอยู่กับพรรคนั้นพรรคนี้มาเกือบจะครบทุกพรรคแล้ว บางคนเอาพรรคไปควบรวมกับนายทุนใหญ่ได้ ยอมเป็นลูกน้อง ยอมเป็น “อิฐรองตีน” เพื่อ “ประโยชน์ทางการเมือง” หรือ “อำนาจทางการเมือง” ก่อนอุดมการณ์และศักดิ์ศรี ที่จะยืนหยัดเป็นตัวแทนของประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันอย่างหนักแน่น มั่นคง เช่นเดียวกับประชาชนประเภท “ใครๆ ก็โกงทั้งนั้น โกงก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาแบ่งให้เราบ้าง”
นี่จึงเป็นอีกครั้ง ที่ประชาธิปัตย์ “เขย่า” สังคมการเมืองไทย
ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ แทบจะทุกพรรคการเมืองเวลานี้ นั่งเคาะเครื่องคิดเลข คำนวณกันใหญ่เลยว่า ต้อง “เจาะตลาดไหน” ต้อง “รวมกับใคร” หรือต้อง “ขายอะไร
เพื่อไทย - ยังคงขายความเป็น “ทักษิณ” และตระกูลชินวัตร
อนาคตใหม่ - ขายความห้าว ท้าทายกรอบเก่า แยกตนออกจากคนรุ่นก่อนและขนบที่คนรุ่นก่อนสร้างไว้ จึงพูดจาท้าทายและตั้งท่าจะล้มเลิกทุกกรอบเกณฑ์ไปหมด
รวมพลังประชาชาติไทย - เว็บไซต์บีบีซีไทยก็ตั้งสโลแกนให้ว่า “เทิดทูนพระมหากษัตริย์ ขจัดระบอบทักษิณ” โดยยังมีทีท่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ อยู่
ชาติไทยพัฒนา - มาแนวใหม่ สิ้นหลงจู๊ไป ลูกชายดูเข้าท่ามาก ประกาศไม่เอานายกฯ คนนอก เลิกเป็นพรรคปลาไหล ชนะไม่ได้ก็ขอเป็นฝ่ายค้าน
ประชาธิปัตย์ล่ะ ขายอะไร?
ก่อนหน้านี้ มีคนพยายามจุดประเด็น “เปลี่ยนหัวหน้าพรรค” ได้ไหม เบื่อพี่มาร์ค พี่มาร์คดีแต่พูด พี่มาร์คหน่อมแน้ม ไม่เป็นผู้นำ ฯลฯ พอผลการเลือกตั้งในมาเลเซียออกมา รีบไปดัน “นายชวน หลีกภัย” ขึ้นมาทันที ว่าเทรนด์กำลังมาแบบนี้ “ผู้อาวุโส” มีประสบการณ์ ทำงานได้
กระแสนี้ไม่เวิร์ก เพราะนายชวนรีบออกมาปฏิเสธ แถมประกาศสนับสนุนอภิสิทธิ์ต่ออีก ซ้ำไปเข้าทางพรรคอนาคตใหม่ ที่ทำ “ตลาดคนรุ่นใหม่” ขายคำว่าคนรุ่นใหม่และอนาคตใหม่อยู่ ซึ่งในความเป็นจริง พลเมืองของเรามีคนทุกรุ่น การเมืองที่เป็น “ระบบตัวแทน” ก็พึงต้องมีผู้แทนจากกลุ่มความต้องการทุกรุ่น ทุกภาค ไม่จำเป็นต้องมาห้ำหั่นกันว่า “คนรุ่นไหนดี”
เพราะ “ความดี” และ “การทำงานได้” ไม่ได้อยู่ที่ “รุ่น” แต่อยู่ที่ “ทีม” ของเขา ประสบการณ์ของพวกเขา ความซื่อสัตย์สุจริตของพวกเขา การมีวิสัยทัศน์ที่จะ “เห็นปัญหา” ของพวกเขา ที่จะเอามาหลอมรวมกันเพื่อตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้ประชาชน-ประเทศชาติ มันจึงจะไปคิดโง่ๆ ว่าต้องเป็นคนรุ่นไหนไม่ได้!! คิดเช่นนั้น รังแต่จะสร้างความแตกแยกเสียเปล่าๆ
ในที่สุด ประชาธิปัตย์ก็ประกาศจุดขาย “ให้สมาชิกได้เลือกหัวหน้าพรรค” = ความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
อั้ยย่ะ!! สะเทือนไปทุกตรรกะการเมืองในยามนี้ ที่ “สามมิตร” ตระเวนขับรถดูดส้วม ออกดูด สส.เก่า โดยไม่สนใจทั้งคุณภาพและสันดาน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเครือข่ายพรรค คสช. เพราะทำกิจกรรมทั้งหลายได้อย่างราบรื่นเหลือเกิน ไม่มีเรียกมาปรับทัศนคติหรือดำเนินคดีหรือแม้แต่กระแอมกระไอให้เพลาๆ ลงบ้าง แต่อีกด้านก็มองว่า มันไปดูดกันเอง เพื่อสร้างราคา “ต่อรอง” กับ คสช. ซึ่งเป็นวิธีเดิมๆ ที่คนพวกนี้ใช้ “เล่นการเมือง” มาโดยตลอด
นี่ไม่ใช่การเมืองใหม่ และไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการเมืองโบราณนานโพ้นที่คนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลง สามมิตรจึงเป็นความเสื่อม ความหมอง ของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในที ว่าเฮ้ย!! นี่ เล่นการเมืองแบบนี้เหรอ ไหนมาใหม่ๆ ด่านักการเมืองแหลกลาญ นี่ต้องมาใช้งานนักการเมือง “เกรดนี้” แล้วรึ อีกด้านก็วิเคราะห์ไปว่า ดึงและดูดนักการเมืองพวกนี้ออกมา เพื่อเอาไป “ย่อยสลาย”
ขณะที่เพื่อไทยยังชะเง้อคอรอนายเฉลย ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้า และพรรคเล็กพรรคน้อยอื่นๆ ก็รอว่า “ลุงตู่” จะเอากะกูด้วยไหม ไม่เป็นไร ประจบแกไปพลางๆ
ส่วนอนาคตใหม่ ก็อย่างที่บอก ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ที่ผ่านมาผิดหมด เลวหมด จะมาดู มีอนาคตใหม่ ก็ด้วยวัย ยุค และอุดมการณ์แบบคนรุ่นเรานี่แหละ
ไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ แต่ก็ไม่เคยแตะ “เผด็จการรัฐสภา” ยุคยิ่งลักษณ์-ทักษิณเลย แม้แต่น้อย
อยากได้ “ประชาธิปไตย” กันนักเรอะ พอประชาธิปัตย์ประกาศ “ให้สมาชิกเลือกหัวหน้าพรรค” ได้ เท่านั้นแหละ งงกันเป็นไก่ตาแตก
นี่คือความท้าทายของ “ประชาธิปัตย์” เองด้วยครับ ทันทีที่ประกาศจุดยืนนี้ เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้คนได้ทบทวนและมองไปรอบๆ ตัว ว่ามีใคร พรรคไหน กล้าจะเป็น“ประชาธิปไตย” ได้ขนาดนี้บ้าง “ปุ่มระเบิดทำลายตัวเอง” ก็ทำงานทันที
วัชระ เพชรทอง ออกมาเปิดประเด็นว่า มีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจใน คสช.จริง โดยจะส่งนอมินีเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ด้วยสาเหตุที่สำคัญ คือ นายอภิสิทธิ์เป็นอุปสรรคสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. พวกเขาต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคสาขาหนึ่งของ คสช. เช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นที่ยอมสยบต่ออำนาจเผด็จการ เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการได้ตำแหน่งรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล แต่ คสช.คิดผิด ที่เชื่อว่าหากทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว การสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จะง่ายขึ้น เขาลืมไปว่านอกจากนายอภิสิทธิ์แล้ว ยังมีนายชวน หลีกภัย , นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และคนอื่นๆ ที่ล้วนแต่มีจุดยืนเดียวกับนายอภิสิทธิ์ ตามอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยประกาศไว้เมื่อ พ.ศ.2489
“พรรคประชาธิปัตย์เปิดโอกาสให้แข่งขันทุกคน บางคนอย่าว่าแต่เป็นหัวหน้าพรรคเลย เป็นภารโรงพรรคก็ยังไม่ได้ บางคนเชลียร์คณะรัฐประหาร คสช.อย่างน่าเกลียด แล้วยังมีหน้าจะมาขอเป็นหัวหน้าพรรคอีก บางคนถึงขนาดต้องลาออกจากพรรค ด่าพรรคไปเอาตำแหน่งจาก คสช.แล้วจะขอกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหน้าตาเฉย บางคน คสช.มีข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชั่นสมัยเป็นรัฐมนตรีไว้ในแฟ้มลับ ฯลฯ จึงอยากถามว่าสปิริตและหลักการของนักการเมืองที่ดีนั้นอยู่ที่ไหน” นายวัชระ กล่าว
จึงตามมาด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ออกมาตอบโต้ทันควัน และนั่น ฉุดบรรยากาศที่ดูว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังจะดึงสังคมการเมืองไทยให้ก้าวไปข้างหน้า กลับมาสู่จุดเดิมคือ “ด่ากันได้ทุกวันทุกเรื่อง” แม้บางประเด็นที่นายวัชระพูดอาจเป็นความจริง แต่ท่าทีแบบนี้ และบรรยากาศแบบนี้ ไม่เป็นผลดี และไม่มีกระแสตอบรับ ต้องกลับไปทบทวน ว่าการจะสื่อสารเรื่องนี้ ควรจะมีวิธีสื่อสารแบบไหน ที่จะไม่ย้อนกลับไป “ลดทอนคุณค่า” ของหัวหน้าและพรรค
สื่อ-ซึ่งเป็นตัวกลางสร้างความเข้าใจให้ผู้คนในสังคม ก็มองภาพฉาบฉวย ว่าเป็นเกมรักษาอำนาจของนายอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่นายอภิสิทธิ์ “เสี่ยงที่สุด” ในเกมนี้ คือ เปิดโอกาสให้คนอื่นๆ มาเขี่ยตนเองลงจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคได้ง่ายๆ
แต่เขาคือ “นักประชาธิปไตย” เปิดเกมที่เปิดเผย ให้สมาชิกพรรคลงคะแนนเลือกหัวหน้า ใครก็ระดมผู้สนับสนุนมาลงคะแนนแข่งกับเขาได้ ซึ่งนั่นคือความเสี่ยงที่เขาอาจจะต้องสูญเสียตำแหน่งหัวหน้าพรรคไป แต่สิ่งที่เขาได้รักษาไว้ คือ มาตรฐาน คือสันดาน คือจิตวิญญาณ “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ที่สังคมการเมืองไทยควรไปให้ถึง และประชาธิปัตย์ไม่รอ แต่เลือกจะเดินไปรอล่วงหน้า พร้อมๆ กับเกิดคำถาม เกิดความท้าทายว่า มีพรรคไหนจะก้าวตามไปบ้าง ในยุคที่เรียกร้องเรื่อง “การปฏิรูป” และหากินกับคำว่า “ประชาธิปไตย” กันนักหนา
หยุดเลอะเทอะ เละเทะ แล้วหันมาอ่านสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยุคนายอภิสิทธิ์กำลัง “เดินนำ” อยู่นี่ให้ดีๆ กันเถอะครับ หยุดเอาแมลงหวี่แมลงวันที่ตอมกันหึ่งสองข้างทางมานำเสนอ ก่อนที่จะได้เสนอประเด็นหลักให้คนทั้งสังคมเข้าใจว่า ในเมื่อเราต้องการประชาธิปไตย สิ่งที่เราต้องกล้าหาญที่จะทำ คือ 1.ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง พร้อมให้ทุกคนได้ร่วมแข่งอย่างเสรีและเป็นธรรม 2.ประชาธิปไตยต้องให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่รอรับคำสั่งแลกกับผลประโยชน์ 3.การปฏิรูปที่แท้จริงคือการพลิกโฉมไม่ใช่ปะผุ
การประกาศให้สมาชิกได้เลือกหัวหน้าพรรค จึงสะเทือนไปถึง “หนทางการเป็นนายกฯ” ของใครบางคน ว่าจะกล้าหาญที่จะมาอย่างสง่างามแบบนี้บ้างไหม เคารพเสียงของประชาชนคนเลือกเพียงใด และไหนล่ะ ประชาธิปไตยที่พร่ำพูดกัน ในทางปฏิบัติ ใครได้ทำอะไรให้มันเป็น “ประชาธิปไตยจริงๆ” บ้าง
ก้าวนี้จึงนับเป็น “ก้าวแห่งความกล้า” และ “ความก้าวหน้าทางประชาธิปไตย” ที่แท้จริง ที่ประชาธิปัตย์เลือกจะเดินนำ แต่ในระหว่างเดินนำ รู้ใช่ไหมว่า จะมีสิงสาราสัตว์ดักขย้ำและบิดเบือนลดทอนคุณค่าของสิ่งนี้ลง เพราะพวกเขายังไม่พร้อมจะเดินทางนี้ นั่นรวมถึงประชาชนทั่วไป ที่ประชาธิปไตย “กินได้” ต้องมาก่อนเสมอ จงฉายภาพให้ได้ ว่านี่คือประชาธิปไตยที่กินได้ เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนและสังคมของเราได้อย่างไรบ้าง
สำคัญที่สุด คือ ดูให้ดีๆ อย่าให้ “คนในพรรค” เอง ที่ทำให้คุณค่าของมันถูกบิดเบือนและหมดราคา!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี