ทันทีที่สหภาพโซเวียตคอมมิวนิสต์รัสเซียล่มสลาย สิ่งแรกๆ ที่ประชาชนพลเมืองรัสเซียกระทำ ก็คือ การทำลาย โยนทิ้ง บรรดารูปภาพ และรูปปั้นของนายวลาดีมีร์ เลนิน ผู้เป็นสัญลักษณ์ และต้นแบบของจอมเผด็จการ และอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวและการกดขี่
ในทิศทางเดียวกัน โดยไม่นานมานี้ ไต้หวันที่ชาวโลกรับรู้ว่าก้าวเข้าสู่สังคมเสรีประชาธิปไตยมาช้านาน ก็เพิ่งออกเป็นกฎหมายบังคับให้ลบล้างมิให้มีรูปปั้น หรือรูปภาพของนายพล เจียง ไคเชค (ที่เคยดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศไต้หวันภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร) ปรากฏอยู่ในที่สาธารณะอีกต่อไปแม้จะได้สร้างคุณูปการมากมายต่อไต้หวันก็ตามที ซึ่งเป็นการสะท้อนแนวคิดว่า ไต้หวันไม่ต้องการให้มีมรดกตกทอด และปรากฏการณ์ทางกายภาพต่างๆ ใดๆ ของระบบเผด็จการ ได้รับการยอมรับ หรือจารึกไว้ในสังคมอีกต่อไป ส่งผลไปถึงการทำลายอนุสาวรีย์ของ เจียง ไคเชค (โปรดดูบทความในหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันพุธที่ 31 มกราคม 2561 “ประหารเผด็จการ”)
และล่าสุดที่ประเทศสเปน รัฐบาลชุดใหม่ที่มีแนวคิดสังคมนิยม ก็ได้ออกกฤษฎีกา (decree) ว่าด้วยการสั่งให้ขุดย้ายโครงกระดูก (Exhume) ของ นายพลฟรันซิสโก ฟรังโกจอมเผด็จการของสเปน (ซึ่งปกครองสเปนอยู่เกือบ 40 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1939 – 1975) ออกจากสุสานแห่งชาติที่ชื่อว่า Valley of the Fallen หรือ หุบเขาของผู้ล้มหายตายจาก ในช่วงสงครามกลางเมือง (จำนวน 370,000 คน) โดยสุสานดังกล่าวนั้นตั้งอยู่ห่างจากกรุงมาดริด ประมาณ 50 กิโลเมตร (ส่วนโครงกระดูกเมื่อขุดขึ้นมาแล้ว จะนำไปฝังไว้ที่ไหน ยังเป็นเรื่องที่ทางการรัฐบาลสเปนจะต้องเจรจาต่อรองกับทางครอบครัวของ นายพลฟรังโก ต่อไป)
รัฐบาลสเปนชุดนี้ เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนนี้และคงจะเห็นว่าการอนุญาตให้มีการฝังศพเผด็จการในสุสานแห่งชาติ อาจจะเป็นการแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า สเปนนั้นยังคงเหลือของความเป็นเผด็จการภายใต้การนำพาของ นายพลฟรังโกซึ่งเป็นการหมิ่นและท้าทายต่อศักดิ์ศรีแห่งความเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยของสเปน จึงเป็นที่มาของการดำเนินการสั่งให้ย้ายโครงกระดูกของนายพลฟรังโก ออกไป เพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า สเปนนั้นยึดมั่นในสังคมเสรีประชาธิปไตย และจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม โดยในการนี้ รัฐบาลปีกสังคมนิยม ซึ่งมีเสียงข้างมากในสภาแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากพรรคปีกซ้าย พรรคชาติพันธุ์ เช่น พวกบาสก์ (Basque) และพวกคาตาลัน (Catalan) เพิ่มเติมอีกด้วย
และก่อนนี้เล็กน้อย สภากรุงมาดริด ยังได้มีมติยกเลิกชื่อถนน 35 สาย ที่มีชื่อของนายพลฟรังโก และนายพลขุนศึก ที่เป็นสมัครพรรคพวกลัทธิเผด็จการฟาสซิสต์ทั้งหมด แล้วเปลี่ยนเอาชื่อของนักต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพต่างๆ มาเป็นชื่อของถนนนั้นๆ แทน ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติยกย่องวีรชนเหล่านี้ แทนที่จะเชิดชูชื่อบรรดานักเผด็จการ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นพหุสังคม ความหลากหลาย และความเป็นสังคมประชาธิปไตยของสเปน
เมื่อปี ค.ศ. 2007 (พ.ศ. 2550) ได้มีการออกกฎหมายว่าด้วยความทรงจำทางประวัติศาสตร์ (Historical Memory Law)เพื่อให้ประเทศสเปนหลุดพ้นจากมรดกตกทอด และอิทธิพล (ทางความคิด เชื่อถือ) ของจอมเผด็จการฟาสซิสต์ นายพล ฟรังโก
ก็แน่นอนว่าพวก นายพลฟรังโก หรือพวกขวาจัดยังมีตกค้างหลงเหลืออยู่ในสเปน ก็ได้พยายามทำการคัดค้านด้วยการประท้วงต่างๆ ต่อฝ่ายล้มล้างเผด็จการฟาสซิสต์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความไม่เห็นด้วยในสังคมเสรีประชาธิปไตย
แต่อย่างไรก็ดี โลกโดยกว้างนั้นต่างต้องการเห็นความเป็นเสรี มากกว่าการกดขี่ข่มเหง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาประเทศเสรีโดยรวม ก็ยิ่งมุ่งรักษา และเสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตย ปฏิเสธลัทธิองค์บุคคลบูชา และลัทธิอำนาจนิยมต่างๆ ที่มีพลังโดยมิชอบ ที่ยังทำตนเป็นมนุษย์ไดโนเสาร์ โดยเหลือวันเวลาอีกน้อยนิดที่จะยังสามารถเสนอหน้าบนสังคมโลกได้
เห็นทิศทางชาวโลกกันแล้ว ก็ย้อนกลับมาที่ประเทศไทยเรา ซึ่งก็ควรจะต้องมีการทบทวนประวัติศาสตร์ ว่าใครเป็นผู้เสริมสร้างเสรีนิยม ใครบ้างทำตนเป็นเผด็จการ และถึงเวลาที่จะเลือกยกย่องบุคคลเฉพาะที่ช่วงส่งเสริมสิทธิเสรีภาพให้กับสังคมไทย มิใช่ไปเชิดชูบุคคลที่สร้างฐานอำนาจให้ตนเอง และสร้างอาณาจักรแห่งความกลัว
หากสังเกตดู ก็จะเห็นว่า บรรดาผู้มีอำนาจเผด็จการนั้นมักอยากเป็นที่จดจำ และยกย่องจากสังคม ผู้นำเหล่านี้ เลยมักจะสร้างอนุสรณ์ต่างๆ เป็นชื่อตนเองและพรรคพวกเพื่อให้สังคมได้รำลึกถึง (จะในแง่ร้าย แง่ดี ก็ไม่สนใจ) แต่อย่างไรก็ดี ก็อยากจะขอให้ดูเหตุการณ์ที่สหภาพโซเวียต ไต้หวัน และสเปน เอาไว้เตือนสติกันสักหน่อย ว่าพวกผู้มีอำนาจ และลิ่วล้ออย่าได้ไปภูมิอกภูมิใจกับตำแหน่งที่ลอยมาแบบราชรถมาเกยในวันนี้เลย เพราะในความเป็นจริงแล้ว สังคมเขาไม่ได้ยกย่องเชิดชูแต่อย่างใด หากแต่เขายอมให้ผู้มีอำนาจกำหนดชื่ออาคาร ชื่อถนน หรืออนุสาวรีย์ตามชื่อพวกเขา เพียงเพราะวันนี้ไม่มีทางเลือก และเมื่อวันใดที่สังคมประชาธิปไตยเบิกบาน แม้สมุดงานศพเขาเหล่านั้นที่ระบุไว้ว่าได้มีส่วนร่วมกับรัฐบาลเผด็จการ ก็จะกลายเป็นตราบาป และชื่อของเขาเหล่านั้นก็จะถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์ของชาติในที่สุด
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี