สัปดาห์ที่แล้วผมยกตัวอย่างเรื่องการเลือกตั้งในไทยและในอเมริกาคือ พรรคที่อยากเลือกตั้งมากๆ และชนะเลือกตั้งทุกครั้ง แต่มีปัญหาในการบริหารประเทศไทย มีคดีมากมาย ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง ความคิดของผู้ลงคะแนนการเมืองหลังการเลือกตั้งคราวใหม่นี้ ก็จะมีปัญหาอีกแน่นอน ถ้าฐานการเมืองของพรรคที่เคยชนะมาตลอดในภาคอีสานและภาคเหนือยังคงเหมือนเดิมก็คงจะมีปัญหาอีกต่อไป
สัปดาห์นี้ ผมขอยกตัวอย่างกรณีศึกษาเรื่อง “คน” ให้ท่านนำไปพิจารณา เพราะเรื่อง “คน” ต้องทำให้ได้ผลให้สำเร็จ
จากประสบการณ์กว่า 40 ปี ตั้งแต่อยู่ธรรมศาสตร์จนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาส ผมจะพยายามทำให้ได้ผลดีที่สุด เช่น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมและทีมงานได้ไปช่วยสอนโครงการปริญญาเอกของคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้ว เรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในกระบวนการยุติธรรม
ผู้เรียนรุ่นนี้ มีทหารรัฐธรรมนูญ ตำรวจ และอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งรุ่นที่แล้วมีผู้พิพากษาหลายคน ปริญญาเอกของคณะนิติศาสตร์ พยายามมองกว้าง ไม่มุ่งด้านกฎหมายอย่างเดียว
แต่เน้นการบริหารจัดการด้วย ซึ่งมีประโยชน์ต่อกระบวนการตุลาการเพราะเชี่ยวชาญกฎหมายโดยไม่รู้เรื่องอื่นอาจทำการทำงานไม่สำเร็จ ใช้เวลาการสอนทั้งหมด 5 ชั่วโมง ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมงขอบคุณ คุณพิชญ์ภูรี พึ่งสำราญและทีมงานที่ไปร่วมงานด้วย
ผมให้ความสำคัญ 4 เรื่องด้วยกันคือ
1. เรื่องคน อย่ามองระดับ Micro อย่างเดียง ควรจะมองภาพใหญ่ Macro ด้วย
2. เน้นการปลูก หรือพัฒนาคนในกระบวนการตุลาการ ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในภาพใหญ่มากกว่าภาพเล็กระดับองค์กรและรู้มากกว่ากฎหมาย
3. เน้นเรื่องบริหารจัดการ ซึ่งผมเรียกว่าเป็นระบบการเก็บเกี่ยว
4. ถ้ามีอุปสรรค ทำนโยบายยังไม่ได้ผล ก็ต้องเอาชนะให้ได้
หลังจากนั้นให้ทำ Workshop 2 กลุ่ม น่าสนใจมาก
กลุ่มแรก ให้เห็นคนว่าต้องมีด้านอื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น คดีแพ่งมีจำนวนมาก ทำให้ศาลรับไม่ไหว ยกตัวอย่างว่าเรื่องคดีต่างๆ นี้น่าจะใช้วิธีการไกล่เกลี่ยก่อนไปถึงศาล เช่น ระดับชุมชน ก็ใช้ยุติธรรมชุมชนไปช่วยให้มีการตกลงกันก่อนถึงศาล น่าจะเป็นเรื่องที่ช่วยได้สำคัญอย่างหนึ่ง
วิธีการเช่นนี้ ก็น่าจะนำมาใช่ในคดีแพ่งอื่นๆ เช่น คดีกู้เงินจากธนาคาร แทนที่จะจ้างบริษัททนายความฟ้องผู้กู้อย่างเดียวมีการประนีประนอมนอกศาล บริษัททนายก็คงจะทำหน้าที่ช่วยไกล่เกลี่ยด้วย ไม่จำเป็นต้องฟ้องทุกคดี
ส่วนในกลุ่มที่ 2 น่าสนใจเพราะเขาหยิบยกเอาทฤษฎี 3 วงกลมของผมมาพิจารณา
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ บรรยายเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับการบริหาร
งานบุคคลสำหรับองค์กรด้านกระบวนการยุติธรรมสำหรับนักศึกษา
ปริญญาเอกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2561 ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การพัฒนาและบริหารคนในกระบวนการยุติธรรม ไม่ค่อยแยกกันทำ ควรจะทำพร้อมๆ กันใน 3 หน่วยงาน คือ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพราะถ้าทำจุดใดจุดหนึ่งอาจไม่สำเร็จในทฤษฎี 3 วงกลม แทนที่จะวิเคราะห์แต่ละหน่วยงาน ก็วิเคราะห์ให้ครบทั้งตำรวจ อัยการ ศาล บังคับคดี และราชทัณฑ์ด้วย ซึ่งแปลว่าการพัฒนาคนและบริหารในยุคต่อไปควรจะทำให้ครบวงจร ถ้าองค์กรต่างคนต่างทำก็ไม่สำเร็จคือวงกลมที่ 1 (Context) หรือบริบท ต้องรวมหน่วยงานให้ครบ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และกลุ่ม 2 ยังหยิบยกเอาแนวคิดของ Peter Sengeมาใช้
ซึ่งถ้ากระบวนการยุติธรรมในไทยเพื่อพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้จริง จะเป็นประโยชน์มากๆ
ส่วนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผมได้กล่าวไปบ้างแล้วว่า ทีมของ Chira Academy อันประกอบไปด้วยผมและทีม 5-6 คน ได้ไปช่วยทำงานในโครงการศูนย์อาเซียนศึกษาม.อ.โครงการ 5 จังหวัดแดนใต้ ภายใต้โครงการการศึกษาพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดชายแดนใต้เพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียและอาเซียนใต้ ให้รองรับการท่องเที่ยวโดยชุมชน ทั้งในประเทศและอาเซียนใต้ หมายถึงมาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นหลัก
ที่น่าสนใจมากๆ คือ เราได้ให้ผู้เข้ารับอบรมที่มาจากกลุ่ม 5 จังหวัดประกอบด้วย 4 กลุ่มคือ
1.ชุมชน
2. วิชาการ มี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และสถาบันการศึกษาอื่นๆ ใน 5 จังหวัด
3. มีธุรกิจทั้งใหญ่และเล็ก
4. ภาครัฐ
ได้สรุปเรื่องการเตรียมทุนมนุษย์ให้รองรับการท่องเที่ยวใน 5 จังหวัดภาคใต้ได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะ 4 เรื่อง
1. Where are we? วิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง)
2. Where do we want to go? เป้าหมายที่จะเดินไปในอนาคต
3. How to get there? วิธีการในการเดินทางไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร
4. How to overcome difficulty? การเอาชนะอุปสรรคระหว่างทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ภาพหมู่การประชุมเชิงปฏิบัติการพิจารณายุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการการท่องเที่ยวจังหวัดภาคใต้ชายแดนสู่อาเซียน
วันที่ 6 กันยายน 2561 ณ ห้องภูผาเพชร โรงแรมทีอาร์ร็อคฮิลล์
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ศึกษาหลักสูตรของวิธีการสอนของทั้ง 5 จังหวัดในเรื่องการเตรียมบุคลากรว่าจะสามารถรองรับการท่องเที่ยวได้หรือไม่ เช่น ถ้าใน 3 จังหวัดภาคใต้มีโรงเรียนศาสนามากไปก็ต้องเสริมวิชาการเพื่อให้มีความรู้ออกมาทำงานได้
อีกประเด็นคือ ต้องสำรวจการศึกษาของ 5 จังหวัดภาคใต้ทุกๆ ระดับตั้งแต่มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา ถึงขั้นมหาวิทยาลัยว่าจะปรับหลักสูตร วิธีการเรียนให้มีคุณภาพอย่างไรในการสร้างบุคลากรทำงานเรื่องท่องเที่ยว
ทุกคนที่มาประชุมอยากให้ 5 จังหวัดภาคใต้พัฒนาหลักสูตรร่วมกันโดยเน้นการสอนที่มีคุณภาพ เช่น สอนภาษาอังกฤษ ให้คน5 จังหวัดภาคใต้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ในอาชีพ
ผมภูมิใจมากที่คนในภาคใต้เริ่มคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าเรื่องปริมาณ ถ้าได้ทำต่อไปผมก็อยากให้ 5 จังหวัดภาคใต้มีหลักสูตรและวิธีการสอน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษให้จบแล้วทำงานได้
ประเทศอื่นๆ ปัจจุบัน เช่น สปป.ลาว หรืออินโดนีเซียมีการสอนภาษาอังกฤษที่ทำให้คนของเขานำไปใช้ได้ ในขณะที่ของเราสอนให้สอบผ่าน แต่พูดไม่เป็น นำมาใช้ไม่ได้ เศร้ามาก แล้วจะพัฒนาท่องเที่ยวให้เป็นเลิศได้อย่างไร
มีเรื่องพัฒนาคนยังมีอีกหลายเรื่อง แต่ที่น่าสนใจคือ เขาอยากได้หลักสูตรเรื่อง
1. Digital Smart Phoneเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านมือถือ
2. เรื่องภาวะผู้ประกอบการ
และอยากให้มีการเชื่อมโยงกันในระหว่างคน 5 จังหวัดภาคใต้กับประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะอยากให้มีการนำนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียมาภาคใต้มากขึ้น โดยจะอำนวยความสะดวกในเรื่องคมนาคมเช่น มีเครื่องบินสามารถบินตรงมาหาดใหญ่ได้เลย มากขึ้น
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี