ผู้ที่อยู่ในข่ายความรับผิดที่เกิดจากการขยายระยะเวลาเบิกจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในงบปี ๒๕๖๐ โดยกันไว้เบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามบทเฉพาะกาลในร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฉบับใหม่ที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ปรากฏว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฉบับใหม่ได้แปรญัตติเพิ่มเติม มาตรา ๕๕/๑ ขึ้นมาใหม่ที่ไม่มีบทบัญญัติยกเว้นนี้ในร่างเดิมและร่างที่ผ่านการพิจารณาที่เสร็จแล้วจากคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมาธิการเพิ่มมาตราใหม่ ดังนี้
“ให้งบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ ประเภทงบกลาง รายการ,,,, เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ยังมิได้มีการก่อหนี้ผูกพัน แต่ได้มีการกันเงินและขอขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังไว้ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓”
อนึ่งขอให้สังเกต คำว่า “ให้ดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓” ก็ไม่ชัดเจนและมีความกำกวม
การที่บทเฉพาะกาลของร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.....บัญญัติให้ขยายเวลาการเบิกเงินจากคลัง ประเภทงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นการผิดวัตถุประสงค์ของการมี “งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” ที่ตั้งไว้เพื่อสำรองจ่ายเฉพาะความจำเป็นในการป้องกันหรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนความมั่นคงของรัฐ การเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีเฉพาะปีนั้นๆ เท่านั้น
เพราะรายการนี้จะต้องตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายในทุกๆปีงบประมาณอย่างไม่ขาดสายอยู่แล้ว และจำนวนเงินในรายการนี้จะเพิ่มมากขึ้นทุกปีงบประมาณ ดังเช่นในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๒ ตั้งไว้เป็นจำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และยังอาจเพิ่มจากการแปรญัตติในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือจากการตราพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายจากของส่วนราชการต่างๆมาเพิ่มงบกลางในรายการนี้ทั้งๆที่ไม่อาจจะกระทำได้ตามกฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐที่ให้โอนได้เฉพาะระหว่างหน่วยงานของรัฐเท่านั้น จะโอนไปเพิ่มงบกลางที่แยกต่างหากจากงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมิได้ แต่รัฐบาลนี้และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ตราพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายที่ขัดแย้งต่อกฎหมายวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐมาแล้วถึงสามฉบับ
ตามหลักเกณฑ์การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ในกรณีที่ไม่สามารถเบิกเงินจากคลังได้ภายในปีงบประมาณนั้น ก็ให้ขยายเวลาขอเบิกเงินจากคลังได้เฉพาะงบประมาณที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ เว้นในกรณีที่ไม่ได้ก่อหนี้ผูกพันแต่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายเงินนั้นต่อไปอีกก็จะต้องขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นกรณีๆโดยได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงจะขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกินหกเดือนของปีงบประมาณถัดไป เว้นแต่มีความจำเป็นก็อาจขอขยายได้อีกไม่เกินหกเดือน ถ้ายังเบิกไม่แล้วเสร็จก็จะเบิกต่อไปไม่ได้แล้ว
แต่ในกรณีงบกลาง ประเภทเงินสำรองจ่าย
เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมีความแตกต่างจากงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการต่างๆ เพราะรายการนี้ได้ตั้งไว้เฉพาะเพื่อความจำเป็นในปีงบประมาณนั้นเท่านั้น เพราะในปีงบประมาณใหม่ก็ต้องตั้งไว้เช่นเดียวกัน ฉะนั้น ที่ยังมิได้มีการก่อหนี้ผูกพันที่เบิกจ่ายไม่ทันภายในปีงบประมาณจะต้องตกเป็นพับไปไม่อาจที่จะนำไปจ่ายในปีงบประมาณถัดไปได้ เพราะในปีงบประมาณใหม่ถ้ามีความจำเป็นเร่งด่วนก็ขอเบิกจ่ายได้จากรายการเงินสำรองจ่ายนี้ในปีงบประมาณใหม่ได้
ฉะนั้นการเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลให้ขยายเวลาเบิกเงินสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ยังมิได้มีการก่อหนี้ผูกพันโดยให้ทำการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ จึงเป็นการผิดหลักเกณฑ์วินัยการเงินการคลังการกันเงินและวัตถุประสงค์ของการมีงบประมาณรายการนี้ในงบกลางประเภท เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ท่านคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณฉบับใหม่ที่บางท่านได้เคยเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณปี ๒๕๖๐ และมีส่วนในการแปรญัตติตัดรายจ่ายตามข้อผูกพันจะปฏิเสธว่าไม่ทราบไม่ได้ ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีของท่าน ขออย่าลืมว่า จำนวนเงินส่วนหนึ่งในงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๐ ที่ให้ขยายเวลาเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ นี้ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาจำนวนหนึ่งก็จากผลของการแปรญัตติตัดรายจ่ายตามข้อผูกพันที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้นำไปเพิ่มรายการนี้ ที่ยังเป็นความรับผิดในการกระทำที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ วรรคสาม เพราะการกระทำใดที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ตามมาตรา ๕
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่จะต้องจัดสรรรายการนี้ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายโดยผ่านความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี หรือการอนุมัติของนายกรัฐมนตรีหรือของคณะรัฐมนตรีตามวงเงินที่กำหนดไว้ ทั้งในส่วนที่เบิกจ่ายไปแล้วก็ดี และจะเบิกจ่ายอีกต่อไปตามที่ขยายเวลากันเงินไว้จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๓ อาจจะต้องรับผิดร่วมกันในการชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมดอกเบี้ยเพราะเป็นการจ่ายเงินแผ่นดินที่ไม่มีกฎหมายอนุญาตให้จ่ายได้ตามมาตรา ๑๔๐ ของรัฐธรรมนูญ
อีกประการหนึ่ง ตามมาตรา ๑๔๔ วรรคสี่ได้บัญญัติเพิ่มเติมความรับผิด ในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อธิบดีกรมบัญชีกลาง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดที่มีหน้าที่จัดทำโครงการ หรืออนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณ โดยรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง กล่าวคือการตัดลดรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กระทำไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญแต่ได้กระทำฝ่าฝืนไปแล้ว และการมีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามที่กล่าวมาแล้ว ท่านอาจจะต้องรับผิดร่วมด้วย เว้นแต่ท่านเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นจะโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ท่านจะพ้นจากความรับผิด และถ้าป.ป.ช.เห็นว่ากรณีมีมูลความผิดจะต้องเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและทุกขั้นตอนจะต้องปิดเป็นความลับจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้เป็นอันขาด
ท่านเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะต้องเคารพความถูกต้องของกฎหมาย ไม่ใช่เคารพตัวบุคคลที่กระทำหรือสั่งให้กระทำที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าบุคคลนั้นๆจะเป็นผู้บังคับบัญชา หรือมีตำแหน่งที่สูงแค่ไหนก็ตาม ถ้าท่านได้โต้แย้งการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไว้ให้ปรากฏ
ชาติบ้านเมืองและตัวท่านจะได้รับอานิสงส์ผลบุญ ผลแห่งกุศลกรรมมากมาย ครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี