หลังจากการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศมานานกว่า 4 ปี อาจกล่าวได้ว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมากครั้งหนึ่งในหลายๆ ครั้งที่อำนาจเผด็จการได้เกิดขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นการปกครองระบอบอำมาตยาธิปไตย แม้ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติจะคลายล็อกให้นักการเมืองได้ขยับตัวได้บ้าง ก่อนที่จะปล่อยให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยฟันปลอมตามที่ปรากฏตามรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 จะใช้เต็มรูปแบบ ได้ดำเนินไปในทางปฏิบัติซึ่งประชาชนชาวไทยผู้สนใจการเมือง รวมทั้งนักการเมืองจะเห็นว่าอาจช้าไป
แต่ก็ยังดีกว่าเข้าตำรา “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” เพราะจากการศึกษาจากประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา การปกครองระบอบเผด็จการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้นและประกาศเป็นองค์อธิปัตย์เรื่อยมาประสบความสำเร็จอย่างดีเฉพาะในเรื่องทำให้สังคมประสบความสงบเรียบร้อยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ไม่บรรลุผลในด้านเศรษฐกิจที่กล่าวว่า ประสบความสำเร็จที่เป็นเพียงยาแดงทาแผล รวมทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำในทางสังคมยังดำรงอยู่
และอาจมากยิ่งขึ้นก็ตาม จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกาศว่า จะให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้เกือบทุกอย่างในขณะนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งในเร็ววันนี้คงจะปลดล็อกให้นักการเมืองและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยเอง หลังจากถูกจำกัดเสรีภาพทางการเมืองก็คงจะถือเป็นบทเรียนว่าการทะเลาะเบาะแว้งกันก่อให้เกิดความวุ่นวายจนทำให้ประเทศเกือบจะเป็นรัฐที่ล้มเหลว ทำให้เกิดช่องว่าง ทำให้ผู้ถืออาวุธเข้ามาห้ามทัพและเป็นองค์อธิปัตย์ปกครองประเทศ เป็นไปตามนิทานสุภาษิตเรื่อง “ตาอินกับตานา” ที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นบทเรียนที่นักการเมืองและประชาชนไม่หลาบจำ ทั้งๆ ที่โลกปัจจุบันรวมทั้งประเทศไทยเองมีความต้องการให้สังคมเป็นสังคมที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่ในนามเท่านั้น
จากผลของการกระทำที่เกิดจากนักการเมืองและประชาชนไม่ปฏิบัติตามความประพฤติและปฏิบัติเยี่ยงสังคมประชาธิปไตย นักการเมืองก็หวังแต่อำนาจลาภยศ ประชาชนก็ยอมขายสิทธิ์ ผลที่เกิดขึ้นจะโทษใครไม่ได้ นอกจากประชาชนที่ไม่รู้จักคำว่าสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ในฐานะประชาชนคนไทยผู้รักชาติ รักประชาธิปไตยจึงหวังว่าจากนี้ต่อไปประชาชนทุกคนจะต้องรู้จักสิทธิและหน้าที่และรู้จักคำว่า “ธุระใช่” ไม่ใช่คำว่า “ธุระไม่ใช่” อีกต่อไป
เพราะถ้าดูตัวอย่างของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแล้ว จะพบว่าในประเทศเหล่านั้น รู้จักคำว่า “สิทธิและหน้าที่” โดยไม่ยอม
สยบต่อสิ่งไม่ถูกต้อง พลเมืองทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ส่วนหน้าที่นั้นก็เป็นไปตามกฎหมาย ลัทธิอำนาจนิยมจะเกิดไม่ได้ในสังคมประชาธิปไตย ถ้าคนไทยทุกคนสามารถประพฤติและปฏิบัติได้จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนดังเช่นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยทั้งหลาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี