ผู้ชังชาติทั้งหลายคงดีใจที่ องค์การสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานการประชุม คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของ ยูเอ็น ว่า ประเทศไทยติดอยู่รายชื่อ 38 ประเทศ ที่มีพฤติกรรมน่าละอาย เพราะการคุกคามหรือข่มขู่บุคคลที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งการสังหาร ทรมาน และจับกุมตัวตามอำเภอใจ
แต่สำหรับคนที่สำนึกต่อเกียรติภูมิของชาติไทย ต้องตะโกนดังๆ ให้ทั่วโลกรู้ว่า ยูเอ็น เป็นองค์กรที่น่าละอาย เพราะรับฟังแต่ข้อกล่าวหาใส่ร้ายจากคนขายชาติ เพียงด้านเดียวแล้วรายงานว่าประเทศไทย และอีก 37 ประเทศ มีพฤติกรรมที่น่าละอายเพราะข่มขู่ ดำเนินคดีกับนักสิทธิมนุษยชนตามอำเภอใจ ในส่วนของประเทศไทยรายงานยูเอ็น ยกตัวอย่างกรณี นายไมตรี จำเริญสุขสกุล นักสิทธิมนุษยชนพื้นเมืองลาหู่ ว่าถูกคุกคามถูกขู่ฆ่า และ น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญา จากความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้ความร่วมมือกับกลไกด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น
กรณีนายไมตรี เป็นเพียงข้อกล่าวหาของเอ็นจีโอ ที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่ในกรณีน.ส.ศิริกาญจน์ หรือ จูน ยังเป็นข้อกังขาว่าเธอทำงานรับใช้ชาติ ปกป้องสิทธิมนุษยชน หรือสนับสนุนปกป้องทุนสามานย์ปล้นชาติ ดังที่ Tony Catalucci ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน รายงานในวารสาร Global Research เรื่อง US Color Revolution Begins in Thailand as Proxy War... ส่วนหนึ่งเขียนว่า (....In 2014, the day after the military officially removed Yingluck Shinawatra from power, the US Embassy in Bangkok helped organize the creation of the Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) front. Funded by the National Endowment for Democracy (NED) - appearing on NED’s Thailand 2014 list - the front is one of several components of Washington’s regime change machinery in Thailand…..ฯลฯ)
แปลเป็นไทย..หลังจาก คสช. ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สถานทูตสหรัฐฯในกรุงเทพฯ ได้ช่วยจัดตั้ง “ศูนย์นักกฎหมายไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน” (TLHR) ที่รับเงินสนับสนุน จาก “กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ” หรือ NED บัญชี NED ปี 2557 ระบุว่า TLHR เป็นหนึ่งในหลายๆองค์ประกอบส่วนหน้าในกลไก เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ของวอชิงตัน
TLHR ช่ำชองในการปลุกระดมและมีความชำนาญการปกป้องนักปลุกระดมกลุ่มอื่นๆ ที่รับเงินจาก NED มาเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยด้วยกัน TLHR ถูกจับครั้งแล้วครั้งเล่าในข้อหาบ่อนทำลาย และทุกครั้งที่นักเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยถูกจับดำเนินคดี เจ้าหน้าที่สถานทูตจาก อเมริกา แคนาดา อังกฤษ และ อียู ก็เข้ามาช่วยเหลือปกป้องสนับสนุน
น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ แกนนำ TLHR ถ่ายภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตต่างๆ ทุกครั้ง ที่เธอไปช่วยนักกิจกรรมที่รับเงินต่างชาติที่ถูกจับดำเนินคดี และหลายครั้ง ที่เธอถูกห้อมล้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานทูตและนักปลุกระดมคนอื่นๆ ขณะที่ไปรับทราบข้อหาในคดีบ่อนทำลายฯที่สถานีตำรวจ หรือไปสังเกตการณ์พิจารณาคดีในศาล
มีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าหน้าที่สถานทูตจากหลายชาติรวมทั้ง นาย Dan Fieller จากสถานทูตอังกฤษ และ ศิริกาญจน์ ไม่ยอมตอบคำถามที่ว่า “เป็นผลประโยชน์ขัดกันไหม ที่ TLHR ซึ่งรับเงินมาจากต่างชาติ ทำหน้าที่ ว่าความให้ผู้ต้องหาที่รับเงินต่างชาติด้วยกัน ถึงแม้ว่าจำเลยถูกข้อกล่าวหาก่อความรุนแรงซึ่งย้อนแย้งกับสิทธิมนุษยชน” เมื่อพิจารณาประเด็นนี้จึงพบว่า “TLHR” คือผู้ปกป้องและผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร และพรรคการเมืองของเขา ตลอดถึงองค์กรส่วนหน้าที่เรียกว่า “เสื้อแดง” เพราะหลายคดีที่คนกลุ่มนี้ใช้แนวทางรุนแรง หรือก่อการร้ายอย่างเป็นระบบ ถึงกับระเบิดโรงพยาบาลเมื่อปีที่แล้ว แต่ศูนย์กฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ก็ปกป้องจำเลยเหล่านี้ตลอดมา และนอกจากแห่กันไปห้อมล้อมน.ส.ศิริกาญจน์ แล้ว เจ้าหน้าที่บางคนของสถานทูตตะวันตกในกรุงเทพฯ ให้การสนับสนุน น.ส.ศิริกาญจน์ และกลุ่มเคลื่อนไหวอื่นๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย อย่างเปิดเผย
จากรายงานของ นายโทนี่ คาตาลุชซี่ ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวอเมริกัน น่าจะยืนยันได้ว่า นักกฎหมายไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และองค์กรสิทธิมนุษยชน กลุ่มอยากเลือกตั้งไวๆ ตลอดถึงนักเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันฯ นักเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นสหพันธรัฐ ล้วนรับใช้ทุนสามานย์ที่สมคบกับต่างชาติใส่ร้ายทำลายประเทศไทย และกลุ่มนักเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำงานสอดรับกัน โดยการเผยแพร่ข่าวสารรายงานไประบอบวอชิงตันอย่างเป็นระบบ
เดือนเม.ย. 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา โจมตีใส่ร้ายประเทศไทย ในกรุงอูลานบาตอร์ สาธารณรัฐมองโกเลีย เธอกล่าวว่า ประเทศไทยทำร้ายครอบครัวเธอ ที่ทหารยึดอำนาจนายทักษิณ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2549 นางยังอ้างว่า ปี 2553 ประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสงบถูกลอบสังหาร ตาย 91 ศพ การใส่ร้ายประเทศไทยเวลานั้นได้รับความชื่นชมเห็นใจจากสื่อและผู้แทนจากประเทศตะวันตก จึงไม่แปลกใจเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกดำเนินคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในกรณีรับจำนำระบายข้าวผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ทูตจากประเทศตะวันตก ให้การสนับสนุนปกป้องจำเลยอย่างแข็งขัน ทูตอียูบางคนถึงกับทำหนังสือเชิญให้เธอไปกล่าวปาฐกถาในประเทศยุโรป หลายครั้งด้วย แต่ศาลไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ นางจึงหนีเวลานั้นไม่ได้
และหลังจาก คสช. ยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 สมุนบริวารทุนสามานย์ปล้นชาติ อาฆาตสถาบัน ที่ทำผิดคดีก่อการร้าย ละเมิด กม.อาญา มาตรา 112 ตลอดถึงคดีวางระบิดฆ่าคน จำเลยที่ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือปกป้องจากศูนย์กฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนไทย และเจ้าหน้าที่ทูตตะวันตก ทั้งหมดข้อมูลที่ยูเอ็น รายงานว่าประเทศไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งคดีเก่าและคดีใหม่
คดีเก่าคือดำเนินคดีกับผู้ละเมิดกม.อาญา มาตรา 112 ซึ่งคาบเกี่ยวกับการละเมิดความมั่นคงของประเทศไทย คดีใหม่คือกลุ่มนักเคลื่อนไหวใส่ร้ายประเทศไทยว่า สนับสนุนปกป้องทหารพม่า จากกรณีที่คณะค้นหาความจริงเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา ของยูเอ็นสรุปรายงานว่า ต้องนำทหารพม่าหกนาย รวมทั้งพลเอกอาวุโส มิน อองหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มาดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)ข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา
พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะว่าพม่า ไม่ได้เป็นภาคี ICC เอ็นจีโอ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และสื่อตะวันตก รวมหัวกันจะประณามโจมตีทหารพม่า แต่หาสถานที่ไม่ได้ เลยเลือกประเทศไทย และเตรียมจัดเสวนาด่าทั้งทหารพม่าและทหารไทย เมื่อวันที่ 10 ก.ย. สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย (FCCT) ออกแถลงการณ์จัดเสวนาบนโต๊ะอาหารค่ำ เรื่อง “ชะตากรรมของทหารพม่าต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่..” แต่การเสวนาด่าทหารถูกสั่งยกเลิกนาทีสุดท้าย เพราะ คสช. เกรงว่าการเสวนาด่าพม่า จะกระทบความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน..พอถูกสั่งห้ามทั้ง FCCT แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกแถลงการณ์โจมตีประเทศไทย ว่าปกป้องทหารพม่า นายสุนัย ผาสุก เขียนทวิตเตอร์ว่า “นี่เป็นการอัปยศไปทั่วโลกที่รัฐบาลไทยปกป้องทหารพม่าในกรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา”
แอมเนสตี้ฯ ออกแถลงการณ์ว่า ผิดหวังมากที่ประเทศไทยซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า แต่กลับสมคบกับพม่าปิดปากสื่อ กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา แอมเนสตี้ฯออกแถลงการณ์โจมตีไทยโดยไม่พูดถึงว่า วันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวและพนักงานสำนักข่าวรอยเตอร์ในสิงคโปร์ รวมกลุ่มกันถ่ายรูปโชว์ป้ายมีข้อความ “ปล่อยผู้สื่อข่าวสองคนโดยทันที ผู้สื่อข่าวไม่ใช่อาชญากร” แล้วนำมาโพสต์บนทวิตเตอร์ ไม่ถึงสองชั่วโมงหลังจากโพสต์ภาพและข้อความ ตำรวจบุกไปถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ และแจ้งว่า “การชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมายความมั่นคงภายใน”
แค่ถ่ายรูปหมู่แล้วนำไปโพสต์บนทวิตเตอร์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน แจ้งกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าผิดกฎหมาย แต่สื่อ เอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน ไม่กล้าตำหนิสิงคโปร์ เพราะรู้ดีว่าที่นั่นไม่มีขบวนการชังชาติเหมือนเมืองไทย รู้แล้วใช่ไหมว่าเมื่อวันที่ 10 ก.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ไปพูดระหว่างประชุมอีโคนิค ฟอรัม ในประเทศเวียดนาม ว่า “คนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย ถูกลอบสังหาร ถูกจำคุก ไม่ก็ลี้ภัยไปต่างประเทศ” นายธนาธร เหมือนกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โจมตีประเทศไทยเพื่อให้สื่อและเจ้าหน้าที่สถานทูตรายงานไปยูเอ็น สรุปว่ายูเอ็น เป็นองค์กรที่น่าละอาย เพราะรับฟังแต่ข้อมูลใส่ร้ายประเทศไทยจากคนขายชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี